ยอดส่งออกไต้หวันขยายตัวครั้งแรก

เอเอฟพี - ไต้หวันประกาศตัวเลขการส่งออกประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวครั้งแรกหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก
 
การทรวงการคลังของไต้หวัน เผยว่า ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ไต้หวันมียอดรวมการส่งออก 20,020 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 19.4 โดยถือเป็นการขยายตัวครั้งแรกนับจากเดือนสิงหาคม ปี 2551
 
โดยนักวิเคราะห์ ชี้ว่า การฟื้นตัวในภาคการส่งออกสะท้อนให้เห็นระดับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะในประเทศจีน
 
เจิ้ง เจิน เม่า หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ แห่งซิตี้แบงค์ ไต้หวัน ชี้ว่า จีนมีความต้องการสินค้าไฮเทคในระดับสูง ขณะที่ความต้องการแร่โลหะและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกก็ยังคงสูงเช่นเดียวกัน และไต้หวันจะยังมีอัตราการขยายตัวด้วยตัวเลขสองหลักไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า
 
ความต้องการในตลาดการส่งออกที่ลดลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของไต้หวันซึ่งพึ่งพิงการค้าเป็นหลัก ตกต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
 
สำหรับยอดการนำเข้าในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เท่ากับ 17,900 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยถือเป็นการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ยอดเกินดุลการค้าเกินไต้หวันยังขยายตัวร้อยละ 32.8 เท่ากับ 2,110 ล้านเหรียญสหรัฐ  โดยมียอดส่งออกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.1 จากปีก่อน ขณะที่ในภาคการส่งออกผลิตภัณฑ์สารสนเทศและเครื่องมือติดต่อสื่อสารปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 16.3
 
ยอดการส่งออกรวมของไต้หวันในช่วง 11 เดือนแรกของปี ยังเป็นอัตราลดต่อปีที่ระดับร้อยละ 24.1 เท่ากับ 183,640 ล้านเหรียญสหรัฐ
 
ขณะที่ยอดการนำเข้าก็ลดลงร้อยละ 31.7 เท่ากับ 156,280 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และตัวเลขเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 105.5 เท่ากับ 27,360 ล้านเหรียญสหรัฐ
 
นอกจากนี้ นาย อู๋ ตุน อี้ นายกรัฐมนตรีของไต้หวันกล่าวเมื่อวันอังคาร(8 ธ.ค.) ว่า ไต้หวันต้องการขยายตลาดการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก จากที่ตอนนี้ไต้หวันพึ่งพิงตลาดจีนกับฮ่องกงเป็นหลัก หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก
 
"เราต้องการทำธุรกิจกับยุโรป รวมทั้งภูมิภาคอื่นๆของเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงไต้ รวมถึงสหรัฐฯ แคนาดา และออสเตรเลีย" นายอู๋ กล่าว