เอเจนซี-ประเทศจีนเร่งกดดันเพื่อทวงคืนสมบัติล้ำค่าของชาติ และประณามการประมูลของต่างชาติ พร้อมเรียกร้องให้ส่งคืนประเทศเจ้าของฯ
จีนได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะทวงคืนหัวนักษัตรทั้งสองชิ้น ซึงถูกปล้นสะดมไปในปี พ.ศ.2403 (ค.ศ.1860) เมื่อครั้งสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ที่ทหารอังกฤษและฝรั่งเศสยาตราทัพสู่กรุงปักกิ่ง และเผาพระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิราชวงศ์ชิง
ความพยายามของจีนในการทวงคืนหัวนักษัตรนี้ ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงพิพิธภัณฑ์ของชาติะวันตกและห้องประมูลทั้งหลาย ซึ่งล้วนยังมีปัญหาขัดแย้งกับกรีซและประเทศอื่นๆ ในเรื่องการคืนขุมทรัพย์ประวัติศาสตร์เหล่านั้น
การประมูลหัวนักษัตร ที่ตกอยู่ในครอบครองเป็นทรัพย์สินของอีฟ แซงต์ โลรองต์ นักออกแบบเสื้อชื่อดัง ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ได้ตกเป็นโมฆะหลังจากชาวจีนผู้ชนะประมูล ไม่ยอมจ่ายเงินโดยอ้างเหตุผลว่าเป็นการกระทำเพื่อปกป้องทรัพยสมบัติของชาติ
"มรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรมเหล่านี้ควรจะกลับคืนสู่จีน"หลิว เจิ้นหมิน ผู้แทนถาวรของจีนแห่งสหประชาชาติในเจนีวา ได้กล่าวในที่ประชุมเมื่อจันทร์ (16 พ.ย.) ถึงการคืนทรัพย์สินทางวัฒนธรรมให้กับประเทศเจ้าของที่แท้จริง
"เราเชื่อว่าการประมูลดังกล่าว ขัดกับหลักการพื้นฐานของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และมติสหประชาชาติ ทั้งเป็นการล่วงละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิทางวัฒนธรรมและผลประโยชน์ของจีน"
ในรอบหลายๆ ปีมานี้ อันเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ มีผู้นำศิลปะวัตถุของจีน ทั้งที่เก่าแก่และร่วมสมัยมาประมูลขาย และเรียกราคากันมหาศาล
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานคำกล่าวของหลิว ที่ว่า การจัดสรรและทำการค้าเชิงพาณิชย์อย่างผิดกฎหมายกับทรัพย์สินทางวัฒนธรรมคือการเหยียดหยาม ลบหลู่ ต่อประวัติศาสตร์และอารยธรรมโลก
"ขณะที่เรามาร่วมกันแสวงหาข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครองมรดกฯ และส่งเสริมการบูรณะรักษาทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของประเทศต้นทาง เราจะแบ่งแยกสิทธิพื้นฐานทางวัฒนธรรมของคนในประเทศนั้นไม่ได้ และเป็นความรับผิดชอบทางวัฒนธรรมซึ่งควรดำรงอยู่ในทุกรัฐบาลในโลก" หลิว กล่าวในที่ประชุมฯ
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หน่วยงานรับผิดชอบศิลปะของจีนได้เคยแถลงถึงแผนการจัดทำหนังสือรวบรวมรายการของสมบัติล้ำค่าจีนกว่า 10 ล้านชิ้น ที่กระจายอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ สถาบันฯ และความครอบครองของเอกชนทั่วโลก