เอเจนซี--จู่ๆพายุหิมะก็ตกกระหน่ำกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นการมาเยือนของหิมะในต้นเหมันตฤดูที่เร็วที่สุดในรอบ 22 ปี นอกจากสร้างความประหลาดใจแก่ชาวแดนมังกรกันถ้วนหน้าแล้ว ยังสร้างความวุ่นวายจากสภาพจราจรติดขัดทั่วเมือง สร้างความยากลำบากในการสัญจรทั่วหย่อมหญ้า ถึงกับมีการยกเลิกเที่ยวบินหลายเที่ยว
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติมังกร พยากรณ์ว่าในวันพุธ(11 พ.ย.) ว่า หิมะจะตกกระหน่ำานี้ในช่วง 2-3 วันนี้
ขณะนี้ จีนได้ระดมเจ้าหน้าที่ กว่า 150,000 คน เพื่อกวาดล้างหิมะ แต่ถนนสายต่างๆก็ยังถูกปิดล้อมด้วยหิมะ ทางหลวงสายต่างๆที่มุ่งสู่กรุงปักกิ่ง และมณฑลเพื่อนบ้าน เหอเป่ย ซันซี ยังถูกปิดอยู่
การที่หิมะโหมโรงฤดูหนาวในจีน ด้วยการตกกระหน่ำดุเดือดเช่นนี้ มิใช่เรื่องธรรมดา กลุ่มผู้เชี่ยวชาญต่างโทษว่าเหตุพายุหิมะครั้งนี้เกิดจากการสร้างปรากฎการณ์เทียมแทรกแซงธรรมชาติของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ไม่เผยนาม ว่าสำนักงานปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ (Weather Modification Office) ได้สร้างปรากฏการณ์เทียมในธรรมชาติ โดยพ่นสารเคมีก่อเมฆฝน ซึ่งเร่งการรวมตัวของละอองน้ำเร็วขึ้นกว่า 20 เปอร์เซนต์ ของอัตราปกติ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญยังเตือนอีกว่าการปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศจะส่งผลกระทบข้างเคียงอันไม่พึงปรารถนาในระยะยาว
เมื่อผู้สื่อข่าวเอเอฟพีโทรศัพท์สอบถามเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศในวันอังคาร(10 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า พายุหิมะที่กำลังตกอยู่นี้ เป็นไปตามธรรมชาติ
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าการเปลี่ยนแปลงฟ้าดินจะเปลี่ยนฟ้าไปเพียงไร” เสี่ยว กัง อาจารย์ประจำสถาบันศึกษาฟิสิกส์ในชั้นบรรยากาศจีน กล่าว พร้อมแสดงความเห็นว่า “เราไม่ควรพึ่งพิงมาตรการทำเทียม เพื่อสร้างฝน หรือหิมะ เพราะจสร้างความแปรปรวนแก่ฟ้า”
นอกจากนี้ จ้าว หนัน วิศวกรในปักกิ่ง เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้สารคลอไรด์มากกว่า 5,500 ตัน เพื่อกัดเสาะละลายหิมะตามถนนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันอังคาร ซึ่งอาจถึงกับ “ทำลายโครงสร้างเหล็กของตึกอาคารต่างๆ”
ในปี 2548 สารละลายหิมะได้โค่นล้มต้นไม้ในปักกิ่งถึง 10,000 ต้น และสังหารหญ้าไปเป้นพื้นที่ถึง 2 แสน ตารางเมตร ไชน่าเดลี่เผย โดยอ้างเจ้าหน้าที่สำนักสถิติ
ชมภาพบรรยากาศ “หิมะครองเมืองปักกิ่ง” ไปคละเคล้าไปด้วยความวุ่นวายจากการยากลำบากในการสัญจร ความเซ็งของผู้โดยสารเนื่องจากการยกเลิกเที่ยวบิน และความสนุกในการเล่นหิมะ-ภาพโดยเอเอฟพี