เอเอฟพี – เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างแดนมังกรและโสมแดง ผู้นำชาติทั้งสองประกาศกระชับมิตรภาพแนบแน่น ซึ่งจะนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพภายในภูมิภาค
กระทรวงการต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสาส์น ที่ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ได้มีไปถึงประธานาธิบดี คิม จองอิล แห่งเกาหลีเหนือ เนื่องในวาระดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ (5 ต.ค.2552) มีเนื้อหาว่า ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือเป็นสิ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานและความปรารถนา อันแรงกล้าร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ และช่วยให้เกิดการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพภายในภูมิภาคนี้
“เราเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับเกาหลีเหนือเพื่อ …ดำเนินความสัมพันธ์ฉันมิตร และความร่วมมือกันต่อไป” ผู้นำจีนระบุ
ขณะที่ในสาส์นของประธานาธิบดีคิม ได้เรียกความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือว่า “ขุมทรัพย์ร่วมกัน”
นอกจากนั้น ยังระบุด้วยว่า ชาติทั้งสอง“มีส่วนช่วยอย่างมหาศาล” ในการธำรงรักษาสันติภาพภายในภูมิภาคและในโลก
สาส์นของผู้นำแดนมังกรมาถึงมือผู้นำโสมแดงในระหว่างการเยือนกรุงเปียงยางวันที่ 2 ของนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ซึ่งมีจุดประสงค์ เพื่อโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่การเจรจา 6 ฝ่ายว่าด้วยการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม สาส์นของประธานาธิบดีหูมิได้เอ่ยถึงเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์นั้นเลย
แม้เกาหลีเหนือตกอยู่ในฐานะหัวเดียวกระเทียมลีบ เหลือจีนเป็นพันธมิตรรายใหญ่เพียงชาติเดียวในโลก ซึ่งเป็นชาติคู่ค้ารายใหญ่และให้ความช่วยเหลือด้านพลังงาน ทว่าความมุ่งมั่นพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดงก็ได้กระตุกหางพญามังกรให้หงุดหงิดไม่น้อย โดยเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประกาศถอนตัวจากการเจรจา 6 ฝ่าย ทั้งที่จีนเป็นเจ้าภาพ นอกจากนั้น ยังได้ทดลองอาวุธนิวเคลียร์เป็นคำรบสองในเดือนพ.ค. พญามังกรจึงไม่รั้งรอ สนับสนุนมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพิ่มการคว่ำบาตรลงโทษเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายกรัฐมนตรีเหวินเดินทางถึงกรุงเปียงยางเมื่อวันอาทิตย์ (4 ต.ค.2552) ผู้นำโสมแดง ซึ่งแทบไม่เผยโฉมต่อสาธารณชน ก็ได้เดินทางมาต้อนรับถึงสนามบินด้วยตนเอง พร้อมกับสวมกอดอย่างสนิทสนม อันเป็นสิ่งยืนยันว่า ความสัมพันธ์กับจีนนั้น มีความสำคัญเพียงใดต่อเกาหลีเหนือ