xs
xsm
sm
md
lg

ไต้หวันผงาดบนเวทีโลกจากความผิดพลาดของเจียง ไคเช็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ก หรือ เจี่ยง เจี่ยสือ ผู้นำไต้หวัน ขณะกำลังอ่านหนังสือ ภาพภ่ายเมื่อเดือนธ.ค.2499 ในกรุงไทเป
เอเอฟพี – เดือนตุลาคม พ.ศ.2492 ช่วงเวลาอันสำคัญ ที่นอกจากจะเป็นการเริ่มต้นของสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว ทว่ายังเป็นช่วงเวลาแห่งการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับ “อีกจีนหนึ่ง” นั่นก็คือไต้หวันอีกด้วย
ประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ก ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ (คนที่2 จากซ้ายมือ) และนายกรัฐมนตรีวินส์ตัน เชอร์ชิลล์ ของอังกฤษ และนางซ่ง เหม่ยหลิง ภรรยาของประธานาธิบดีเจียง (ขวามือ)
กองทัพรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง หรือจีนคณะชาติ ภายใต้การนำของจอมพลเจียง ไคเช็ก (เจี่ยง เจี่ยสือ) เมื่อพ่ายแพ้การสู้รบกับกองทัพปลดแอกของเหมา เจ๋อตง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ จึงถอยร่น หนีมาตั้งหลักบนเกาะไต้หวัน และเริ่มต้นกันใหม่บนเกาะเล็กๆ ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนแห่งนี้ โดยนำความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียน

พรรคก๊กมินตั๋งลงมือดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่พวกเขาไม่อาจดำเนินการได้เลยบนแผ่นดินใหญ่ พร้อมกับวางรากฐาน จนทำให้ไต้หวันกลายเป็นประเทศประชาธิปไตย ที่มีสีสัน และเป็นชาติ ซึ่งมีเรื่องราวความสำเร็จ อันน่ามหัศจรรย์ที่สุดชาติหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
ประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ก กับเจียง จิงกั๋ว บุตรชาย ซึ่งเป็นที่รักของชาวไต้หวัน
ชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือความปราชัย ที่แสนอัปยศสำหรับเจียง ไคเช็ก มันมากมายท่วมท้นเสียจนกระทั่งเขาเอาแต่ใคร่ครวญไตร่ตรองถึงสิ่งที่เคยพลาดพลั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า ระบอบการปกครองใหม่บนอาณาจักรแห่งนี้จะมีชีวิตรอดสืบไป

“ความย่อยยับบนแผ่นดินใหญ่เป็นบทเรียนสำคัญที่สุดสำหรับเจียง ไคเช็ก เมื่อเขาขึ้นเป็นผู้นำไต้หวัน” นายปีเตอร์ หวัง นักประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติจงเจิ้งของไต้หวัน ระบุ

ประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ก กับพลเอกดักลาส แม็คอาเทอร์ แห่งสหรัฐฯ ระหว่างเยือนไต้หวันเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2493
“อนุทินของเจียงในช่วงทศวรรษ1950 มีแต่การครุ่นคิดเกี่ยวกับความล้มเหลวบนแผ่นดินใหญ่ที่ผ่านมาของตนเองอยู่เต็มไปหมด” หวังระบุ

มีความเห็นที่สอดคล้องกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ว่า
นโยบายการบริหารไต้หวัน ที่สำคัญที่สุดของเจียง ไคเช็ก ก็คือการที่เขาตัดสินใจบังคับให้พวกชาวนาที่ร่ำรวยยอมขายที่ดินส่วนใหญ่ให้แก่ชาวนา ที่ยากจน


ตึกไทเป 101 ผงาดความสูง 508 เมตรเหนือท้องฟ้ากรุงไทเป ประจักษ์พยานแห่งความเจริญรุ่งเรืองของเกาะไต้หวัน
การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดชนชั้น ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายย่อย ที่มีพลังขับเคลื่อนในการสร้างผลผลิตทางการเกษตร ขณะที่พวกเจ้าของที่ดิน ได้นำรายได้จากการขายที่ดินไปลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ซึ่งปูทางไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในฐานะชาติผู้ผลิตอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก

เจียง ไคเช็กพยายามดำเนินโนบาย ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับที่เขาเคยใช้เมื่อสมัยปกครองแผ่นดินใหญ่ ทว่าครั้งนั้นกลับไม่มีอิสระอย่างเต็มที่ในการบริหารประเทศตามวิสัยทัศน์ของตนเอง เพราะถูกขัดขวางจากพวกเจ้าของที่ดิน ซึ่งมีอิทธิพล , พวกนักธุรกิจ ร่ำรวยล้นฟ้า และกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ นโยบายเหล่านั้นจึงไม่สัมฤทธิ์ผล

“พรรคจีนคณะชาติไม่เคยมีอำนาจบังคับบัญชาประเทศได้อย่างแท้จริง จนกระทั่งเดินทางมาถึงไต้หวัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่พวกเขาได้มีอำนาจควบคุมอย่างมั่นคงจริง ๆ เสียที สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ ” ฟิลิป หลิว ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ไต้หวันสมัยใหม่แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนันหยางของสิงค์โปร์ กล่าว

เมื่อกองทัพของเจียง ไคเช็ก ยาตราถึงเกาะไต้หวัน นับเป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะพอดี เนื่องจากไต้หวันเพิ่งหลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินมานานถึง 50 ปี เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติในปีพ.ศ.2488 จีนคณะชาติจึงไม่ต้องกังวลเรื่องกลุ่มอิทธิพล หรืออำนาจบารมีของชนชั้นเจ้าของที่ดิน

เจียง ไคเช็กได้ใช้วิธีคลายการกุมบังเหียนเศรษฐกิจ ซึ่งบังเกิดผลอันน่าทึ่งในเวลาต่อมา นั้นคือเกาะ ซึ่งมีประชากร 23 ล้านคนแห่งนี้ ผงาดขึ้นเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 26 ในโลกเมื่อปี2551 จากการจัดอันดับของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ

ทว่าขณะเดียวกัน เจียง ไคเช็ก ก็ปกครองประเทศในฐานะผู้นำเผด็จการเบ็ดเสร็จตราบจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2518


ไต้หวันเพิ่งประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกเมื่อปี 2530 เมื่อเจียง จิงกั๋วบุตรชายของเขา ซึ่งเป็นที่รักของชาวไต้หวัน ค่อย ๆ ดำเนินการให้ประชาชนมีเสรีภาพทางการเมืองทีละน้อย ซึ่งเป็นย่างก้าวแรกไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างระมัดระวัง

จนกระทั่งปัจจุบันนี้ การเมืองที่วุ่นวายได้กลายเป็นบุคลิกพิเศษของไต้หวันไป และทำให้ประชาชนหลายคนหวนนึกถึงสมัยที่ไต้หวันมีความสงบมั่นคงในอดีต

นักประวัติศาสตร์บางคนยังมองด้วยว่า การเมืองที่ถูกวางกรอบภายใต้การปกครองของเจียง ไคเช็ก เป็นเงื่อนไขจำเป็นสำหรับการผงาดทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็เหมือนกับสถานการณ์บนจีนแผ่นดินใหญ่ในตอนนี้

“สิ่งที่ไต้หวันต้องการมากที่สุดในช่วงทศวรรษ1950 ก็คือเสถียรภาพ, ความซื่อสัตย์ และรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ” หวังระบุ

“การเมืองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ แม้ไม่ใช่สิ่งดีเลิศ แต่ก็ส่งผลในทางอ้อมต่อการก้าวไปสู่เป้าหมายนั้น”


กำลังโหลดความคิดเห็น