เอเอฟพี – กลุ่มนักวิทยาศาสตร์หัวก้าวหน้ากำลังวิจัยสร้างหุ่นยนต์แพนด้าตัวแรกของโลกที่ห้องวิจัยชั้นนำของไต้หวัน หวังสร้างชื่อเสียงของเกาะให้โด่งดังไปทั่วโลกในแง่ของความเป็น “จ้าวแห่งความไฮ-เทค”
ศูนย์วิจัยหุ่นยนต์อัจฉริยะมุ่งเป้าพัฒนาแพนด้า ซึ่งเป็นมิตรและมีความสามารถมากกว่าแพนด้าตัวเป็นๆ ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ โดยเจอร์รี่ หลิน ผู้อำนวยการของศูนย์ฯ วัย 52 ปีให้สัมภาษณ์ว่า “หุ่นยนต์แพนด้าจะน่ารักและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมเป็นอย่างมาก ในอนาคตหุ่นยนต์แพนด้าอาจถูกสร้างให้ร้องเพลงของแพนด้าได้ด้วย”
วันแล้ววันเล่าที่แพนด้ามีวิวัฒนาการอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของศูนย์ฯ หากได้รับอนุมัติเงินทุนสนับสนุนคาดว่าจะสามารถเริ่มสร้างหุ่นยนต์ได้ในปลายปีนี้
“มันเป็นครั้งแรกที่เราพยายามจะสร้างหุ่นยนต์สัตว์สี่เท้า พวกเราจำเป็นต้องพิจารณาปัญหาเรื่องการทรงตัวด้วย” โจว ป๋อเจีย นักศึกษาปริญญาเอก ซึ่งรับผิดชอบงานออกแบบหุ่นยนต์กล่าว
โรโบ-แพนด้า เป็นเพียงโครงการพัฒนาหนึ่งของทางศูนย์ฯ ซึ่งอยู่ในสังกัดของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติไต้หวัน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซทท์ฉบับไต้หวัน”
ศูนย์ฯ ดังกล่าวซึ่งมีฐานอยู่ในไทเป ยังมีเป้าหมายในการสร้างหุ่นยนต์ของนักร้องชื่อดัง เพื่อให้ “หุ่นจำลอง” ของซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมาร้องเพลงสร้างความสุขให้แก่แฟนๆ ในไต้หวันได้
“อาจมีหุ่นยนต์ของมาดอนน่า ซึ่งจะให้ความรู้สึกแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการฟังเสียงเพลงของเธอเพียงเท่านั้น” หลินกล่าว
นอกจากนี้ หลินและทีมงานของเขายังกำลังวิจัยหุ่นยนต์เพื่อการศึกษา ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นติวเตอร์สำหรับเด็กๆ สามารถสอนศัพท์และเล่าเรื่องเป็นภาษาต่างประเทศได้
โดยหลินเล่าว่า ทางทีมงานมีตลาดเป้าหมายที่ชัดเจน “พ่อแม่ชาวเอเชียเตรียมทุ่มเงินจำนวนมากสำหรับการเรียนภาษาของลูก” โดยสืบเนื่องจากนโยบายลูกคนเดียวที่เข้มงวด ทำให้พ่อแม่ชาวจีนมีลูกได้เพียงคนเดียว ดังนั้นพ่อแม่ที่ค่อนข้างมีฐานะจึงพร้อมที่จะทุ่มเงินเพื่อลูกๆ ของพวกเขา ซึ่งหลินยืนยันว่า หุ่นยนต์ที่เขาสร้างจะปลอดภัย ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลที่จะปล่อยลูกๆ ของพวกเขาให้อยู่กับคุณครูโรบอตตามลำพัง
ความใฝ่ฝันในระยะยาวของหลินคือการสร้างหุ่นยนต์โรงละครแห่งไต้หวัน ซึ่งประกอบไปด้วยหุ่นยนต์ที่สามารถร้อง เต้น และสร้างความบันเทิงได้ โดยหุ่นยนต์ต้นแบบ 2 ตัว โธมัส และ เจเน็ต ปรากฎตัวต่อหน้าผู้ชมในไต้หวันเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เพื่อแสดงในฉากละครเวทีเรื่อง “the Phantom of the Opera” แต่หลินกล่าวว่านั่นเป็นแค่การเริ่มต้น ความฝันของเขาคือการนำหุ่นยนต์และมนุษย์ขึ้นมาร่วมแสดงบนเวทีเดียวกัน ให้ผู้ชมสงสัยว่าไหนหุ่นยนต์ไหนคนจริงกันแน่