ลูกโทนแดนมังกรหวั่นภาระดูแลบุพการี

เอเจนซี – จาง อิง ตัดสินใจว่าปีหน้าจะเดินทางออกจากสหรัฐฯ กลับไปอยู่ที่ประเทศจีน สาเหตุไม่ใช่เพราะวิกฤตการเงิน แต่เป็นเพราะต้องการกลับไปดูแลบุพการีนั่นเอง

โดยอาจารย์จางวัย 30 ปีจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส-ออสตินออกจากบ้านมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว แต่เพราะว่าเขาเป็นลูกคนเดียว ดังนั้นจึงรู้สึกว่าตัวเองจะต้องกลับไปดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าตามหน้าที่ของตัวเอง

“ปีหน้านี้พ่อของผมก็จะ 60 แล้ว ผมต้องกลับไปดูแลเขา ดังนั้นผมก็เลยตัดสินใจทิ้งงานที่สหรัฐฯ และกลับไปหางานที่จีน” จางกล่าว

ทั้งนี้ จางเป็นหนึ่งในชาวจีนรุ่นใหม่นับล้านคนที่รู้สึกถึงภาระในการดูแลพ่อแม่

คนวัยทำงานที่เกิดในยุคนโยบายลูกคนเดียวช่วงทศวรรษที่ 70 และต้นทศวรรษที่ 80 ปัจจุบันกำลังเผชิญหน้ากับภารกิจในการดูแลทั้งพ่อและแม่อันสืบ จะด้วยเพราะคุณธรรมเรื่องความกตัญญูที่ถูกปลูกฝังในสังคมจีน หรือปัญหาเรื่องสวัสดิการสังคมสำหรับคนชราที่ไม่พอเพียงก็ตามที

จากการสำรวจของหนังสือพิมพ์ไชน่า ยูธ เดลี่ เมื่อเร็วๆ นี้พบว่า เกือบ 70% ของคนหนุ่มสาวรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถดูแลพ่อแม่ได้ดีพอ เนื่องจากความกดดันเรื่องหน้าที่การงาน

โพลสำรวจชาวจีน 3,144 คนที่เกิดปลายทศวรรษที่ 70 และต้นทศวรรษที่ 80 พบว่า 51.3% รู้สึกว่าการเป็นลูกคนเดียวและต้องดูแลพ่อแม่ 2 คนนั้นเป็นภาระที่หนักหน่วง

คณะกรรมการผู้สูงวัยแห่งชาติรายงานว่า ในปี 2550 มีผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 100 ล้านคน หรือคิดเป็น 8.1% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ และคาดการณ์ว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นจาก 109.6 ล้านคนในปี 2551 เป็น 349 ล้านในปี 2593

แต่เพราะปัจจุบันระบบบำนาญของจีนยังประสบปัญหา และไม่ครอบคลุมประชาชนมากกว่า 70% นอกจากนี้ยังขาดระบบบริการสังคมสำหรับผู้สูงอายุ ดังนั้นผลการสำรวจข้างต้นจึงสะท้อนให้เห็นว่า ภาระเรื่องเงินทองและการดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้สูงวัยนั้นตกเป็นของคนรุ่นหลัง แต่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่เดินทางออกจากบ้านเกิดเพื่อไปทำงานในเมืองใหญ่ หลายคนจึงไม่สามารถเจียดเงินมากมายหรือเวลามาดูแลพ่อแม่ได้

“ลูกชายของฉันทำงานในฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน มาเยี่ยมฉันได้ปีละครั้งเท่านั้น แถมเขากำลังเก็บเงินซื้อแฟลตที่นั่นอีก ดังนั้นเราจึงไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะส่งเงินมาให้มากมาย” หลิว ซื่อฟาง พนักงานปลดเกษียณในเมืองฉงชิ่งให้สัมภาษณ์อย่างไม่คาดหวังอะไร ทั้งที่หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาเก็บหอมรอมริบเงินส่งเสียลูกชายให้ไปใช้ชีวิตสุขสบายที่เมืองฝูโจว

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจชี้ว่า ลูกคนเดียวมากกว่าครึ่งวางแผนที่จะอยู่ดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“ฉันรู้สึกกดดันเหมือนกันที่ต้องดูแลพ่อแม่ในอนาคต แต่ฉันจะไม่ส่งพวกท่านไปบ้านพักคนชราหรอกนะ” ซู อู่ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจในปักกิ่งวัย 30 ปีกล่าว