นายตู้ ลู่หมิง วัย 28 ปี ก้มหน้าน้ำตาร่วงผล็อยอย่างไม่มีทางเลือก กดปากกากัดฟันเซ็นชื่อในหนังสือยินยอม “เลิกล้มการช่วยชีวิต”ลูกชายแฝดสามคน ทันทีที่เซ็นชื่อเสร็จ เขาก็ล้มลงนอนกับพื้นโรงพยาบาล
หนังสือพิมพ์ "เดอะ ซัน" แดนมังกรเผย...ราวบ่าย 3 โมงของวันพฤหัสฯที่ 13 สิงหาคม ภรรยาของตู้ คือนางเจียง เฟิ่งเจี๋ย เจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด นายตู้ดีใจเนื้อเต้นจะได้เป็นพ่อคนเสียทีแล้ว กุลีกุจอพาภรรยามายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง สามชั่วโมงต่อมา พี่น้องฝาแฝดเพศชายสามคนก็ทยอยคลานตามกันออกมาจากท้องแม่
ตู้ยังมิทันได้เสพลิ้มรสความปิติของการได้เป็นพ่อคน หมอก็มาพูดกับเขาว่า “ฝาแฝดสามคน ที่คลอดก่อนกำหนดมักมีชีวิตอยู่ไม่นาน หากให้การช่วยเหลือชีวิต ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายนับล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท)โดยที่โอกาสรอดชีวิตไม่สูงนัก”
ตู้ยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องทำคลอด ในที่สุดก็ต้องยอมจำนน เพราะสู้ราคาช่วยเหลือชีวิตไม่ไหว ตู้น้ำตาร่วงจำใจเซ็นชื่อในหนังสือ “เลิกล้มการช่วยเหลือชีวิต” และทันทีที่เซ็นชื่อเสร็จ เขาก็ล้มลงนอนกับพื้นโรงพยาบาล
เมื่อตู้เซ็นชื่อในหนังสือ “เลิกล้มการช่วยเหลือชีวิต” ก็เป็นอันว่าทารกคลอดก่อนทั้งสามไม่ต้องอยู่ในตู้อบเช่นเดียวกับเด็กคลอดก่อนกำหนดทั่วไป อีกทั้งไม่อาจนอนในห้องของมารดา เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงบอกให้เขานำลูกฝาแฝดทั้งสามกลับบ้าน ตู้จ่ายเงินสองร้อยกว่าหยวน ซื้อเสื้อผ้าสวมให้ลูกฝาแฝดทั้งสาม พร้อมขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยหากล่องสำหรับใส่ลูกน้อยทั้งสามกลับบ้าน
ตู้ถือกล่องกระดาษใส่ทารกน้อยฝาแฝดสามคนกลับบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรง ทารกน้อยทั้งสามกลับบ้านไปโดยมิได้รับการรักษาพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตแต่อย่างใดเลย ดังนั้น ยังมิทันกลับถึงบ้าน ทารกที่อ่อนแอที่สุดก็หยุดหายใจ เหลือทารกน้อยพี่น้องอีกสองคนกลับมาถึงบ้าน เพื่อนบ้านผู้มีจิตใจเป็นมนุษย์ต่างกุลีกุจอช่วยกันหานมผงมาให้ทารกน้อย บ้างก็ช่วยสอนให้คุณพ่อมือใหม่เปลี่ยนผ้าอ้อม
ตกดึก ทารกอีกคนก็หยุดหายใจ ตู้เจ็บปวดรวดร้าวดั่งโดนมีดคมกริบกรีดกลางหัวใจ นั่งกอดเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสองไว้กับอก เขานั่งนิ่งกอดลูกชายทั้งสอง ร่างไม่ไหวติงตลอดทั้งคืน
รุ่งขึ้น ตู้สุดจะทนทาน อุ้มลูกชายที่เหลืออีกหนึ่งคนกลับมายังโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ยังย้ำอีกว่าค่ารักษาพยาบาลช่วยชีวิตทารกน้อยแพงแสนแพง ซ้ำโอกาสรอดชีวิตก็น้อยมาก
“สามารถช่วยชีวิตลูกได้ไหม?” ภรรยาของตู้ตระโกนถามจากห้องพักคนป่วย ตู้สุดกลั้นน้ำตาไว้ ปล่อยให้มันไหลนองใบหน้า ในที่สุด ก็เทกระเป๋าเทเงินเก็บสะสมทั้งหมดกว่าหมื่นหยวนออกมากอง เพื่อให้โรงพยาบาลช่วยชีวิตลูกที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว
ขณะนี้ ตี๋น้อยวัยแรกเกิดยังอยู่ระหว่างการรักษาช่วยชีวิตในโรงพยาบาล ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็เพียรโทรศัพท์มาทวงเงินค่ารักษาพยาบาลแทบทุกวัน ตู้กระเสือกระสนหาเงินไปทั่วสารทิศ
นายตู้และเจียงคู่สามีภรรยาจากมณฑลซันตง ดิ้นรนมาเป็นแรงงานอพยพในกรุงปักกิ่ง ทั้งสองอาศัยอยู่ในห้องเช่าพื้นที่ไม่ถึงสิบตารางเมตร เจียงตกงาน ส่วนตู้ผู้สามีรองานนาน 4 เดือน จึงได้งาน เงินเดือน 5-6 พันหยวน เมื่อเจียงตั้งครรภ์ ทั้งสองก็ตั้งหน้าตั้งตารอครอบครัวที่อบอุ่นอย่างมีความสุข ทั้งสองฝันหวานถึง “ครอบครัวใหญ่” อย่างตื่นเต้น แต่น่าเสียดาย... “ความฝันครอบครัวใหญ่” ของครอบครัวแรงงานอพยพบ้านนี้ ได้สลายไปเสียแล้ว
เรื่องราวของครอบครัวแรงงานอพยพผู้ยากไร้และฝาแฝดทั้งสามนี้ ถูกเผยแพร่เป็นข่าว ชาวเน็ตต่างชี้เป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือชีวิตจริงในสังคมคนยากผู้จนตรอกแห่งแผ่นดินใหญ่”.
เรียบเรียงแปลจากหนังสือพิมพ์ ไท่หยางเป้า (太阳报)ฉบับวันที่ 17 สิงหาคม 2552.
หนังสือพิมพ์ "เดอะ ซัน" แดนมังกรเผย...ราวบ่าย 3 โมงของวันพฤหัสฯที่ 13 สิงหาคม ภรรยาของตู้ คือนางเจียง เฟิ่งเจี๋ย เจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด นายตู้ดีใจเนื้อเต้นจะได้เป็นพ่อคนเสียทีแล้ว กุลีกุจอพาภรรยามายังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง สามชั่วโมงต่อมา พี่น้องฝาแฝดเพศชายสามคนก็ทยอยคลานตามกันออกมาจากท้องแม่
ตู้ยังมิทันได้เสพลิ้มรสความปิติของการได้เป็นพ่อคน หมอก็มาพูดกับเขาว่า “ฝาแฝดสามคน ที่คลอดก่อนกำหนดมักมีชีวิตอยู่ไม่นาน หากให้การช่วยเหลือชีวิต ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายนับล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท)โดยที่โอกาสรอดชีวิตไม่สูงนัก”
ตู้ยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องทำคลอด ในที่สุดก็ต้องยอมจำนน เพราะสู้ราคาช่วยเหลือชีวิตไม่ไหว ตู้น้ำตาร่วงจำใจเซ็นชื่อในหนังสือ “เลิกล้มการช่วยเหลือชีวิต” และทันทีที่เซ็นชื่อเสร็จ เขาก็ล้มลงนอนกับพื้นโรงพยาบาล
เมื่อตู้เซ็นชื่อในหนังสือ “เลิกล้มการช่วยเหลือชีวิต” ก็เป็นอันว่าทารกคลอดก่อนทั้งสามไม่ต้องอยู่ในตู้อบเช่นเดียวกับเด็กคลอดก่อนกำหนดทั่วไป อีกทั้งไม่อาจนอนในห้องของมารดา เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงบอกให้เขานำลูกฝาแฝดทั้งสามกลับบ้าน ตู้จ่ายเงินสองร้อยกว่าหยวน ซื้อเสื้อผ้าสวมให้ลูกฝาแฝดทั้งสาม พร้อมขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยหากล่องสำหรับใส่ลูกน้อยทั้งสามกลับบ้าน
ตู้ถือกล่องกระดาษใส่ทารกน้อยฝาแฝดสามคนกลับบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรง ทารกน้อยทั้งสามกลับบ้านไปโดยมิได้รับการรักษาพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตแต่อย่างใดเลย ดังนั้น ยังมิทันกลับถึงบ้าน ทารกที่อ่อนแอที่สุดก็หยุดหายใจ เหลือทารกน้อยพี่น้องอีกสองคนกลับมาถึงบ้าน เพื่อนบ้านผู้มีจิตใจเป็นมนุษย์ต่างกุลีกุจอช่วยกันหานมผงมาให้ทารกน้อย บ้างก็ช่วยสอนให้คุณพ่อมือใหม่เปลี่ยนผ้าอ้อม
ตกดึก ทารกอีกคนก็หยุดหายใจ ตู้เจ็บปวดรวดร้าวดั่งโดนมีดคมกริบกรีดกลางหัวใจ นั่งกอดเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสองไว้กับอก เขานั่งนิ่งกอดลูกชายทั้งสอง ร่างไม่ไหวติงตลอดทั้งคืน
รุ่งขึ้น ตู้สุดจะทนทาน อุ้มลูกชายที่เหลืออีกหนึ่งคนกลับมายังโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ยังย้ำอีกว่าค่ารักษาพยาบาลช่วยชีวิตทารกน้อยแพงแสนแพง ซ้ำโอกาสรอดชีวิตก็น้อยมาก
“สามารถช่วยชีวิตลูกได้ไหม?” ภรรยาของตู้ตระโกนถามจากห้องพักคนป่วย ตู้สุดกลั้นน้ำตาไว้ ปล่อยให้มันไหลนองใบหน้า ในที่สุด ก็เทกระเป๋าเทเงินเก็บสะสมทั้งหมดกว่าหมื่นหยวนออกมากอง เพื่อให้โรงพยาบาลช่วยชีวิตลูกที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว
ขณะนี้ ตี๋น้อยวัยแรกเกิดยังอยู่ระหว่างการรักษาช่วยชีวิตในโรงพยาบาล ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็เพียรโทรศัพท์มาทวงเงินค่ารักษาพยาบาลแทบทุกวัน ตู้กระเสือกระสนหาเงินไปทั่วสารทิศ
นายตู้และเจียงคู่สามีภรรยาจากมณฑลซันตง ดิ้นรนมาเป็นแรงงานอพยพในกรุงปักกิ่ง ทั้งสองอาศัยอยู่ในห้องเช่าพื้นที่ไม่ถึงสิบตารางเมตร เจียงตกงาน ส่วนตู้ผู้สามีรองานนาน 4 เดือน จึงได้งาน เงินเดือน 5-6 พันหยวน เมื่อเจียงตั้งครรภ์ ทั้งสองก็ตั้งหน้าตั้งตารอครอบครัวที่อบอุ่นอย่างมีความสุข ทั้งสองฝันหวานถึง “ครอบครัวใหญ่” อย่างตื่นเต้น แต่น่าเสียดาย... “ความฝันครอบครัวใหญ่” ของครอบครัวแรงงานอพยพบ้านนี้ ได้สลายไปเสียแล้ว
เรื่องราวของครอบครัวแรงงานอพยพผู้ยากไร้และฝาแฝดทั้งสามนี้ ถูกเผยแพร่เป็นข่าว ชาวเน็ตต่างชี้เป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือชีวิตจริงในสังคมคนยากผู้จนตรอกแห่งแผ่นดินใหญ่”.
เรียบเรียงแปลจากหนังสือพิมพ์ ไท่หยางเป้า (太阳报)ฉบับวันที่ 17 สิงหาคม 2552.