xs
xsm
sm
md
lg

จีนจับผู้บริหารริโอฯอย่างเป็นทางการ เชื่อไม่กระทบสัมพันธ์รบ.ออสซี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – สื่อจีนรายงานจีนอนุมัติจับ 4 พนักงานเหมืองแร่ออสซี “ริโอ ทินโต” อย่างเป็นทางการในวันพุธ(11 ส.ค.) ข้อหาละเมิดความลับทางการค้าและติดสินบน ด้านรองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่าคดีจะไม่กระทบความพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติและความสัมพันธ์กับออสเตรเลีย

แถลงการณ์ของอัยการแห่งศาลประชาชนสูงสุดในจีนระบุว่า ผู้บริหารทั้ง 4 คน แห่งบริษัทริโอ ทินโต บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่จากประเทศออสเตรเลียได้รับข้อมูลความลับทางการค้าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าของจีนโดยผ่านช่องทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายอาญา
คนงานเดินผ่านกองเหล็กเส้นที่วางอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้  ขณะที่ในวันพุธ(11 ส.ค.) ทางการจีนอนุมัติหมายจับผู้บริหารริโอ ทินโตอย่างเป็นทางการแล้ว
ด้านรายงานของซินหัวยังไม่แน่ชัดว่าผู้บริหารทั้ง 4 คนถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ข้อกล่าวหาที่ทางการจีนอ้างในการกักตัวผู้บริหารเหมืองแร่ริโอฯ คือขโมยข้อมูลลับทางราชการ สอดแนมกิจการภายใน และเป็นภัยต่อผลประโยชน์แห่งรัฐ

ขณะที่นายสเติร์น หู พลเมืองชาวออสเตรเลียน ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของริโอ ทินโตถูกทางการจีนคุมตัวแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยการคุมตัวนายหู และผู้บริหารคนอื่นๆ เกิดขึ้นหลังจากริโอตินโตปัดข้อเสนอของไชนัลโค บริษัทโลหะของทางการจีน เรื่องลงทุน 19,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ถูกโยงว่าสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกัน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่า ทำไมทางการจีนจึงได้อนุมัติจับอย่างเป็นทางการภายหลัง 1 เดือน หลังจากที่ผู้บริหารริโอฯ ถูกจับ

ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย แถลงต่อเรื่องนี้ว่า การที่อัยการจีนออกหมายจับ นายหู และพนักงานอีก 3 คน อย่างเป็นทางการในข้อหาละเมิดความลับทางการค้าและรับสินบนโดยอ้างประมวลกฎหมายอาญาของจีน แสดงว่าคดีนี้ไม่ใช่การจารกรรมความลับของราชการตามที่จีนกล่าวหาก่อนหน้านี้ โดยชี้ว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และขอให้จีนสอบสวนอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ นายหูมีโอกาสปรึกษาทนาย

ฝู จื่ออิง รองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า คดีของ นายสเติร์น หู ผู้บริหารริโอตินโต ในจีน จะไม่กระทบความสัมพันธ์ทวิภาคีกับออสเตรเลียที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะไม่กระทบความพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น