เอเจนซี่ – นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่ายืนยัน จีนจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป แม้มีเสียงเตือนเรื่องปัญหาหนี้เสีย และเม็ดเงินกู้จากธนาคารถูกยักย้ายไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์
นายเวินกล่าวระหว่างเยือนมณฑลเจียงซู ซึ่งมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของรัฐบาลกลางเมื่อวันอาทิตย์ ( 9 ส.ค. 2522) ว่า รัฐบาลปักกิ่งจะยังยึดมั่นนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และนโยบายการคลัง ที่เข้าไปมีส่วนร่วมและริเริ่มต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งเขาหมายถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 586,000 ล้านดอลลาร์ โดยเตือนว่า เศรษฐกิจแดนมังกรยังคงเผชิญปัญหาท้าทายจากการดิ่งลงของภาคส่งออกและปัญหาการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ นอกจากนั้น ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกก็ยังไร้ความแน่นอน
การให้คำมั่นของนายเวินนับเป็นการออกมาสำทับจากรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อบรรเทาความแตกตื่นของนักลงทุนท่ามกลางเสียงเตือนจากนักวิเคราะห์ว่า การปล่อยสินเชื่ออย่างไม่อั้นของธนาคาร เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวนั้น สินเชื่อส่วนหนึ่งกลับถูกใช้ไปในการเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจทำให้ตลาดกลายเป็นฟองสบู่แตกได้ในที่สุด
ยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจีนพุ่งสูงถึง 7.1 ล้านล้านหยวน (1 ล้านล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า ร้อยละ 15 ของสินเชื่อเหล่านี้ไหลเข้าไปในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นการละเมิดระเบียบข้อบังคับในการปล่อยสินเชื่อของรัฐบาล
นอกจากนั้น การปล่อยสินเชื่อโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ อาจทำให้ธนาคารต้องแบกรับหนี้เสียในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำจีนระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังไม่มั่นคง แม้จีดีพีในไตรมาสล่าสุดโตถึงร้อยละ 7.9 จากร้อยละ6.1 ในไตรมาสก่อน นอกจากนั้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังต้องพึ่งการใช้จ่ายจากรัฐบาลอยู่ ขณะที่ธุรกิจภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวอย่างแน่นอน
นายเวินกล่าวระหว่างเยือนมณฑลเจียงซู ซึ่งมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของรัฐบาลกลางเมื่อวันอาทิตย์ ( 9 ส.ค. 2522) ว่า รัฐบาลปักกิ่งจะยังยึดมั่นนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และนโยบายการคลัง ที่เข้าไปมีส่วนร่วมและริเริ่มต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งเขาหมายถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 586,000 ล้านดอลลาร์ โดยเตือนว่า เศรษฐกิจแดนมังกรยังคงเผชิญปัญหาท้าทายจากการดิ่งลงของภาคส่งออกและปัญหาการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ นอกจากนั้น ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกก็ยังไร้ความแน่นอน
การให้คำมั่นของนายเวินนับเป็นการออกมาสำทับจากรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อบรรเทาความแตกตื่นของนักลงทุนท่ามกลางเสียงเตือนจากนักวิเคราะห์ว่า การปล่อยสินเชื่ออย่างไม่อั้นของธนาคาร เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวนั้น สินเชื่อส่วนหนึ่งกลับถูกใช้ไปในการเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจทำให้ตลาดกลายเป็นฟองสบู่แตกได้ในที่สุด
ยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจีนพุ่งสูงถึง 7.1 ล้านล้านหยวน (1 ล้านล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า ร้อยละ 15 ของสินเชื่อเหล่านี้ไหลเข้าไปในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นการละเมิดระเบียบข้อบังคับในการปล่อยสินเชื่อของรัฐบาล
นอกจากนั้น การปล่อยสินเชื่อโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ อาจทำให้ธนาคารต้องแบกรับหนี้เสียในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำจีนระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังไม่มั่นคง แม้จีดีพีในไตรมาสล่าสุดโตถึงร้อยละ 7.9 จากร้อยละ6.1 ในไตรมาสก่อน นอกจากนั้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังต้องพึ่งการใช้จ่ายจากรัฐบาลอยู่ ขณะที่ธุรกิจภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวอย่างแน่นอน