เอเอฟพี-ยูนนานออกมาตรการเข้มเพื่อส่งเสริมสัมพันธ์เพื่อนบ้านเอเชียในอุษาคเนย์ โดยกำหนดคุณสมบัติผู้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายพลเรือน สามารถพูดภาษาชาติเพื่อนบ้านได้ถึง 5 ภาษา
“เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายพลเรือนทุกคน ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ต้องสามารถใช้ภาษาอังกฤษ 300 ประโยค ภาษาเวียดนาม 100 ประโยค ภาษาพม่า 100 ประโยค ภาษาลาว 100 ประโยค และภาษาไทย 100 ประโยค ก่อนปลายปี 2553” สำนักข่าวซินหัวอ้างถ้อยคำของนาย ชิว เหอ เลขาธิการพรรคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลหยุนหนัน หรือยูนนาน ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศลาว พม่า และเวียดนาม
นายใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ยูนนานแจงวัตถุประสงค์มาตรการดังกล่าวว่า ทักษะด้านภาษาเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ธุรกิจของมณฑลกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนและสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยจะดึงดูดการลงทุนเข้ามายังคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ทั้งนี้ มณฑลยูนนานมีจีดีพีสูงเป็นอันดับที่ 21 ในกลุ่มมณฑลทั้งหมด 23 มณฑลในประเทศจีน
ซินหัวเผยอีกว่าบางกลุ่มหัวเราะเยาะต่อความคิดทะเยอยานที่จะเข็นให้เจ้าหน้าที่รัฐเรียนรู้ถึง 5 ภาษา แต่บางกลุ่มก็สนับสนุนสุดฤทธิ์
“เจ้าหน้าที่รัฐฯหลายคนมีงานที่มั่นคงและรายได้ดีแล้ว ดังนั้น ก็เป็นการดีกว่าที่พวกเขาจะใช้เวลาไปในการศึกษาเรียนรู้ มากกว่าใช้เวลาสิ้นเปลืองไปกับการกินดื่ม แม้โครงการเรียนรู้ภาษานี้จะสร้างแรงกดดันแก่พวกเขาบ้าง” จาง เหว่ย ผู้ทำงานในบริษัทการสื่อสารแห่งหนึ่ง ให้ความเห็น.
“เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายพลเรือนทุกคน ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ต้องสามารถใช้ภาษาอังกฤษ 300 ประโยค ภาษาเวียดนาม 100 ประโยค ภาษาพม่า 100 ประโยค ภาษาลาว 100 ประโยค และภาษาไทย 100 ประโยค ก่อนปลายปี 2553” สำนักข่าวซินหัวอ้างถ้อยคำของนาย ชิว เหอ เลขาธิการพรรคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลหยุนหนัน หรือยูนนาน ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศลาว พม่า และเวียดนาม
นายใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ยูนนานแจงวัตถุประสงค์มาตรการดังกล่าวว่า ทักษะด้านภาษาเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ธุรกิจของมณฑลกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนและสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยจะดึงดูดการลงทุนเข้ามายังคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ทั้งนี้ มณฑลยูนนานมีจีดีพีสูงเป็นอันดับที่ 21 ในกลุ่มมณฑลทั้งหมด 23 มณฑลในประเทศจีน
ซินหัวเผยอีกว่าบางกลุ่มหัวเราะเยาะต่อความคิดทะเยอยานที่จะเข็นให้เจ้าหน้าที่รัฐเรียนรู้ถึง 5 ภาษา แต่บางกลุ่มก็สนับสนุนสุดฤทธิ์
“เจ้าหน้าที่รัฐฯหลายคนมีงานที่มั่นคงและรายได้ดีแล้ว ดังนั้น ก็เป็นการดีกว่าที่พวกเขาจะใช้เวลาไปในการศึกษาเรียนรู้ มากกว่าใช้เวลาสิ้นเปลืองไปกับการกินดื่ม แม้โครงการเรียนรู้ภาษานี้จะสร้างแรงกดดันแก่พวกเขาบ้าง” จาง เหว่ย ผู้ทำงานในบริษัทการสื่อสารแห่งหนึ่ง ให้ความเห็น.