เอเจนซี - หนังสือพิมพ์เซาเธิร์น เมโทรโปลิส นิวส์ รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา มีเด็กทารกหญิงเกิดใหม่ราว 80 รายในอำเภอเจิ้นหยวน มณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพรากตัวมาจากครอบครัว และส่วนใหญ่ถูกขายให้ชาวต่างชาติไปอุปการะเลี้ยงดูในฐานะเด็กกำพร้า สนนราคาตกหัวละ 3,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 100,000 บาท)
ครอบครัวของหลู่ เสียนเต๋อและหยาง สุ่ยอิง สองสามีภรรยาชาวนา เป็น 1 ใน 80 ครอบครัวที่ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานวางแผนครอบครัวประจำท้องถิ่นนำตัวลูกสาวคนที่ 5 ไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถจ่ายค่าปรับฐานละเมิดนโยบายลูกคนเดียว ซึ่งระบุให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้เพียง 1 คนเท่านั้น ยกเว้นครอบครัวชาวชนบทอณุโลมให้มีได้ 2 คน
ครอบครัวของหลู่ก็เหมือนครอบครัวอื่นๆ ในอำเภอเจิ้นหยวน คือ หลู่ต้องการมีลูกชายไว้สืบทอดวงศ์ตระกูล ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้ลูกชายสมใจหลังจากมีลูกสาวก่อนหน้านี้ถึง 3 คน และล่าสุดภรรยาของเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวอีกคน ทำให้สองสามีภรรยาต้องรับภาระดูแลเลี้ยงดูลูกทั้ง 5 คน ในขณะที่พวกเขารายได้ต่อปีเพียงแค่ 5,000 หยวน หรือราว 25,000 บาทเท่านั้น
สือ กวงอิง เจ้าหน้าที่สำนักงานวางแผนครอบครัวของอำเภอเจิ้นหยวนยื่นคำขาดให้พวกเขาจ่ายค่าปรับ 20,000 หยวน หรือ100,000 บาท หรือไม่ก็ต้องทิ้งลูกสาวคนเล็กไว้ โดยสือบอกว่า มันเป็นกฎ “คุณจะจ่ายหรือคุณจะยอมให้รัฐบาลเป็นคนดูแลเด็กเอง”
แต่แทนที่จะดูแลเด็กตามที่สัญญาไว้ เด็กหญิงกลับถูกนำตัวไปไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเจิ้นหยวน และถูกขายต่อให้แก่ครอบครัวชาวต่างชาติสนนราคา 3,000 เหรียญสหรัฐต่อคน โดยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมามีเด็กหญิงอย่างน้อย 78 รายถูกส่งต่อไปให้แก่ครอบครัวชาวต่างชาติเลี้ยงดู ส่วนเด็กอีก 2 คนพิการ จึงยังคงอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ด้านโจว เจ๋อ ทนายความและอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์วิทยาลัย ไชน่า ยูธ เผยว่า เจ้าหน้าที่วางแผนครอบครัวประจำท้องถิ่นและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลังร่วมกันก่ออาชญากรรม เนื่องจากไม่มีผู้ใดมีสิทธิดูแลเด็กนอกจากผู้เป็นพ่อแม่
จากรายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ปลอมแปลงเอกสารโดยระบุว่า เด็กทารกเหล่านี้เป็นเด็กกำพร้า ซึ่งในความเป็นจริงตามกฎหมายแล้ว สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสามารถรับเด็กไปเลี้ยงได้ก็ต่อเมื่อเด็กไม่มีพ่อแม่ หรือตำรวจระบุว่าเป็นเด็กถูกทิ้ง
ส่วนเงินที่ได้จากการขายเด็กหญิงให้แก่ครอบครัวชาวต่างชาตินั้น คาดว่าน่าจะเข้ากระเป๋าของเจ้าหน้าที่รัฐและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นเอง
นอกจากนี้ โจวยังมองว่า การที่หน่วยงานรัฐและสถานเลี้ยงเด็กหากำไรจากตัวเด็กนั้น ก็ถือเป็นการกระทำผิดโทษฐานลักพาตัวเด็กด้วย
“มันไม่ผิดกฎหมายที่พวกเขาจะเรียกเก็บเงินค่าปรับ เพราะพ่อแม่ละเมิดนโยบายลูกคนเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถนำเด็กไปขายได้”
และล่าสุดในวันจันทร์ (6 ก.ค.) ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลังจากทางการจีนได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว ได้มีการสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่ 6 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานวางแผนครอบครัว 2 รายถูกลงโทษด้วยการลดตำแหน่ง หลังจากพบว่ามีการส่งตัวเด็กหญิง 3 คนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ไปยังสถานเลี้ยงเด็กในอำเภอเจิ้นหยวน มณฑลกุ้ยโจวในช่วงปี 2546-2547
ครอบครัวของหลู่ เสียนเต๋อและหยาง สุ่ยอิง สองสามีภรรยาชาวนา เป็น 1 ใน 80 ครอบครัวที่ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานวางแผนครอบครัวประจำท้องถิ่นนำตัวลูกสาวคนที่ 5 ไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถจ่ายค่าปรับฐานละเมิดนโยบายลูกคนเดียว ซึ่งระบุให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้เพียง 1 คนเท่านั้น ยกเว้นครอบครัวชาวชนบทอณุโลมให้มีได้ 2 คน
ครอบครัวของหลู่ก็เหมือนครอบครัวอื่นๆ ในอำเภอเจิ้นหยวน คือ หลู่ต้องการมีลูกชายไว้สืบทอดวงศ์ตระกูล ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้ลูกชายสมใจหลังจากมีลูกสาวก่อนหน้านี้ถึง 3 คน และล่าสุดภรรยาของเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวอีกคน ทำให้สองสามีภรรยาต้องรับภาระดูแลเลี้ยงดูลูกทั้ง 5 คน ในขณะที่พวกเขารายได้ต่อปีเพียงแค่ 5,000 หยวน หรือราว 25,000 บาทเท่านั้น
สือ กวงอิง เจ้าหน้าที่สำนักงานวางแผนครอบครัวของอำเภอเจิ้นหยวนยื่นคำขาดให้พวกเขาจ่ายค่าปรับ 20,000 หยวน หรือ100,000 บาท หรือไม่ก็ต้องทิ้งลูกสาวคนเล็กไว้ โดยสือบอกว่า มันเป็นกฎ “คุณจะจ่ายหรือคุณจะยอมให้รัฐบาลเป็นคนดูแลเด็กเอง”
แต่แทนที่จะดูแลเด็กตามที่สัญญาไว้ เด็กหญิงกลับถูกนำตัวไปไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเจิ้นหยวน และถูกขายต่อให้แก่ครอบครัวชาวต่างชาติสนนราคา 3,000 เหรียญสหรัฐต่อคน โดยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมามีเด็กหญิงอย่างน้อย 78 รายถูกส่งต่อไปให้แก่ครอบครัวชาวต่างชาติเลี้ยงดู ส่วนเด็กอีก 2 คนพิการ จึงยังคงอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ด้านโจว เจ๋อ ทนายความและอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์วิทยาลัย ไชน่า ยูธ เผยว่า เจ้าหน้าที่วางแผนครอบครัวประจำท้องถิ่นและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลังร่วมกันก่ออาชญากรรม เนื่องจากไม่มีผู้ใดมีสิทธิดูแลเด็กนอกจากผู้เป็นพ่อแม่
จากรายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ปลอมแปลงเอกสารโดยระบุว่า เด็กทารกเหล่านี้เป็นเด็กกำพร้า ซึ่งในความเป็นจริงตามกฎหมายแล้ว สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสามารถรับเด็กไปเลี้ยงได้ก็ต่อเมื่อเด็กไม่มีพ่อแม่ หรือตำรวจระบุว่าเป็นเด็กถูกทิ้ง
ส่วนเงินที่ได้จากการขายเด็กหญิงให้แก่ครอบครัวชาวต่างชาตินั้น คาดว่าน่าจะเข้ากระเป๋าของเจ้าหน้าที่รัฐและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นเอง
นอกจากนี้ โจวยังมองว่า การที่หน่วยงานรัฐและสถานเลี้ยงเด็กหากำไรจากตัวเด็กนั้น ก็ถือเป็นการกระทำผิดโทษฐานลักพาตัวเด็กด้วย
“มันไม่ผิดกฎหมายที่พวกเขาจะเรียกเก็บเงินค่าปรับ เพราะพ่อแม่ละเมิดนโยบายลูกคนเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถนำเด็กไปขายได้”
และล่าสุดในวันจันทร์ (6 ก.ค.) ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลังจากทางการจีนได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว ได้มีการสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่ 6 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานวางแผนครอบครัว 2 รายถูกลงโทษด้วยการลดตำแหน่ง หลังจากพบว่ามีการส่งตัวเด็กหญิง 3 คนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ไปยังสถานเลี้ยงเด็กในอำเภอเจิ้นหยวน มณฑลกุ้ยโจวในช่วงปี 2546-2547
