เอเจนซี – จีนประกาศขึ้นราคาน้ำมันเป็นครั้งที่สองในรอบเดือนนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลปรับขึ้นถ้วนหน้า ระบุ เป็นการปรับเพื่อให้ราคาขายปลีกสอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก และยังจะช่วยให้โรงกลั่นยักษ์ใหญ่อย่างซิโนเปกและปิโตรไชน่าได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย
โดยแถลงการณ์ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติ (NDRC) ระบุว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนมิถุนายน เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (1 มิ.ย.) จีนได้ปรับราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลขึ้นอีก 6-7 เปอร์เซ็นต์มาแล้วรอบหนึ่ง
การขึ้นราคาน้ำมันในครั้งนี้ ก็เพื่อทำให้ราคาน้ำมันในจีนสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เมื่อปลายปี 2551 จีนได้นำระบบการคิดราคาน้ำมันแบบใหม่มาใช้ โดยได้รวมราคาน้ำมันดิบกับภาษีที่ต้องจ่ายและกำไรสำหรับโรงกลั่นไว้ด้วยกัน เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในจีนใกล้เคียงกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และยังเป็นการช่วยให้โรงกลั่นน้ำมันมีกำไร โดยการขึ้นราคาน้ำมันครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่จีนได้ปรับราคาน้ำมันหลังจากได้นำระบบราคาแบบใหม่มาใช้
ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่สุดในจีนเช่น บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ป หรือซิโนเปก แถลงเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ว่า บริษัทอาจประสบภาวะขาดทุน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงเกินกว่าระดับ 60 เหรียญต่อบาร์เรล และไม่มีการปรับราคาขายน้ำมันภายในประเทศ
มีการคาดกันว่า การที่เศรษฐกิจโลกส่อเค้าว่าจะฟื้นตัว จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกมีสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์คเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นเงินกว่า 70 เหรียญต่อลาร์เรล
“การที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จะเป็นผลดีต่อทั้งซิโนเปกและปิโตรไชน่า และยังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจริงจังกับการนำกลไกราคาน้ำมันมาใช้” เกรซ หลิว นักวิเคราะห์จากกั๋วไท่ จี้หนัน ซีเคียวริตี้ส์ระบุ
หลังจากทางการจีนประกาศขึ้นราคาน้ำมัน ปรากฎว่าหุ้นของซิโนเปกและปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันใหญ่เป็นอันดับหนึ่งและสองตามลำดับ ต่างปรับขึ้นทั้งคู่
โดยหุ้นของซิโนเปกในตลาดเซี่ยงไฮ้ปรับขึ้น 4.6 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 11.08 หยวน และในตลาดฮ่องกงปรับขึ้น 5.8 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 6.05 เหรียญฮ่องกง ขณะที่หุ้นของปิโตรไชน่าที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ปรับขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ และที่ตลาดฮ่องกงปรับขึ้น 2.4 เปอร์เซ็นต์
ก่อนที่จีนจะนำระบบราคาน้ำมันแบบใหม่มาใช้เมื่อปลายปีที่แล้ว ปรากฎว่าผลกำไรของซิโนเปกลดลง 47 เปอร์เซ็นต์ เพราะทางบริษัทไม่สามารถขึ้นราคาน้ำมันได้ ขณะที่ปิโตรไชน่าได้รายงานว่า ผลกำไรของปีที่แล้วลดลงถึง 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับกำไรในปีก่อนๆ
แถลงการณ์ของ NDRC ระบุอีกว่า บริษัทซิโนเปกและปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของประเทศ จะต้องทำให้แน่ใจว่ามีน้ำมันเพียงพอที่จะป้อนตลาดภายในประเทศและต้องยึดถึอนโยบายราคาของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยรัฐบาลท้องถิ่นทุกแห่งจะรับผิดชอบในการดูแลราคาน้ำมัน และจะลงโทษหากมีการขึ้นราคาน้ำมันอย่างผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลจะปรับขึ้น 600 หยวน/ตัน ส่วนราคาน้ำมันเครื่องบินจะปรับขึ้น 620 หยวน/ตัน โดยเพดานราคาน้ำมันจะแตกต่างกันไปตามเมืองและภูมิภาค
ดังเช่น ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 90 ในมณฑลกว่างตง จะอยู่ที่ 7,795 หยวน/ตัน ขณะที่น้ำมันชนิดเดียวกันนี้จะขายในราคา 7,485 หยวน/ตันในเมืองท่าเทียนจินใกล้กรุงปักกิ่ง และจะขายในราคา 7,705 หยวน/ตันที่มณฑลเฉิงตู
ส่วนการขายน้ำมันเบนซินและดีเซลให้แก่องค์กรของรัฐต่างๆ เช่น กองทัพ คลังสำรองน้ำมันของรัฐ และระบบการรถไฟ ราคาขายปลีกจะเพิ่มขึ้น 9.8 ถึง 11.1 เปอร์เซ็นต์