เอเยนซี่ – หลังจากรอคอยจังหวะที่เหมาะสมมาระยะหนึ่ง ในที่สุดรัฐบาลพญามังกรก็สบโอกาสจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่ง ประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลภายในประเทศครั้งล่าสุดทันที
เมื่อวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) คณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติของจีน ประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลอีกตันละ 400 หยวน (58.58 ดอลลาร์) หรือร้อยละ 6-7 จากเกณฑ์เพดานราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิลและดีเซลโดยเฉลี่ยในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ตันละ 6,530 หยวน และ5,790 หยวนตามลำดับ
การประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดังกล่าว เป็นการขานรับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตงวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมที่ตลาดนิวยอร์ก หรือไนเม็กซ์ ซึ่งดีดขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.9 % มาอยู่ที่ 66.31 ต่อบาร์เรล แตะสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.2552) เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าความต้องการใช้น้ำมันในโลกจะฟื้นตัว
คาดว่า บริษัทไชน่าปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล และปิโตรไชน่า ผู้จำหน่ายน้ำมันรายใหญ่แดนมังกร จะได้รับประโยชน์จากการขึ้นราคาน้ำมันครั้งล่าสุด หลังจากที่ผ่านมา มีกำไรลดลง เนื่องจากต้องสั่งซื้อน้ำมันดิบในราคาระหว่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูง แต่ไม่สามารถปัดภาระต้นทุน ที่สูงขึ้น ไปให้ประชาชนผู้ใช้น้ำมัน แบกรับแทนได้
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวหลายสำนักแดนมังกรรายงานเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ว่า รัฐบาลจะประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลในวันนั้นอีก 520 หยวน และ500 หยวนต่อตันตามลำดับ ทว่ากลับไม่มีการประกาศออกมา ซึ่งอาจเนื่องมาจากรัฐบาลเกรงว่า ราคาที่ปรับขึ้นอาจสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจ และเกษตรกรอาจไม่พอใจ เพราะอยู่ระหว่างการเพาะปลูกช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดี ซึ่งมีการใช้น้ำมันดีเซลกันมากที่สุด
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การประกาศขึ้นราคาน้ำมันในตอนนี้จึงเป็นช่วงที่เหมาะสม เพราะฤดูกาลเพาะปลูกดังกล่าวใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว