เอเอฟพี - เลอโนโว ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีรายใหญ่อันดับ 4 ของโลกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (21 พ.ค.) ได้แถลงรายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2551-2552 ระบุขาดทุนราว 8,100 ล้านบาท พร้อมให้เหตุผลเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและยอดขายตก
หลิว ฉวนจื้อ ประธานบริษัทเลอโนโวแถลงรายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2551-2552 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม) ระบุ ในช่วงไตรมาสที่ 4 (มกราคม-มีนาคม 2552) เลอโนโวขาดทุนสุทธิมากถึง 264 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ผลประกอบการตลอดทั้งปีติดลบที่ 226.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8,100 ล้านบาท)
สวนทางกับไตรมาสที่ 4 ของปีงบฯ 2550-2551 ซึ่งเลอโนโวได้กำไร 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ผลประกอบการตลอดปีได้กำไรรวม 484.3 ล้านเหรียญ
“สองไตรมาสที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายอย่างมากสำหรับธุรกิจของเราในตลาดโลก ตอนนี้เรากำลังพยายามเดินหน้าดึงธุรกิจของเรากลับมาสู่ลู่ทางที่ถูกต้อง” หลิว ฉวนจื้อ ประธานบริษัทเลอโนโวกล่าว
เลอโนโวเผยว่า ความต้องการคอมพิวเตอร์พีซีลดลงท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และอินเดีย ทำให้รายได้ปีงบฯ 2551-2552 ลดลงจาก 16,350 ล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อนหน้า เหลือ 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
ซึ่งสำนักข่าวดาวโจนส์รายงานว่า การขาดทุนของเลอโนโวนั้น รุนแรงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยบริษัทหลักทรัพย์ไต้หวาทำนายว่าไตรมาสที่ 4 เลอโนโวน่าจะขาดทุนประมาณ 211 ล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 บริษัทเลอโนโวได้พยายามลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานเกือบ 3,000 คนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หยาง หยวนชิง ซีอีโอของเลอโนโวคาดว่า ไม่น่าจะมีการปรับโครงสร้างองค์กรและลดพนักงานเพิ่มอีก หากเศรษฐกิจไม่ย่ำแย่ลงไปกว่านี้ อีกทั้งหยางยังค่อนข้างเชื่อว่าตลาดจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังจากรัฐบาลปักกิ่งอัดฉีดแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นความต้องการคอมพิวเตอร์พีซี โดยเฉพาะในแถบชนบท
ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่เลอโนโวเท่านั้นที่รายงานผลประกอบการขาดทุน ในช่วงที่ทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการเงิน เมื่อเร็วๆ นี้ทางการจีนยังได้เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2552 วิสาหกิจรัฐหลายแห่งต่างรายงานผลกำไรลดลง
เว็บไซต์กระทรวงการคลังรายงาน ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายนที่ผ่านมา วิสาหกิจรัฐทั่วประเทศทำกำไรได้ 323,600 ล้านหยวน (47,400 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลงร้อยละ 32.3 จากช่วงเดียวกันของปี 2551
แต่อัตราการลดลงยังไม่รุนแรงเท่า 3 เดือนแรก ที่กำไรตกฮวบถึงร้อยละ 36.8
นอกจากกำไรหดแล้ว รายได้ของบริษัทต่างๆ ในช่วง 4 เดือนแรกก็ยังลดลงร้อยละ 7.3 มาอยู่ที่ 6 ล้านล้านหยวน ส่งผลให้วิสาหกิจรัฐจ่ายภาษีลดลงร้อยละ 9.1 หรือคิดเป็นเงิน 577,600 ล้านหยวน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศของจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ปีนี้ตัวเลขจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) ของจีนจะชะลอตัวอยู่ที่ 6.5% ต่ำที่สุดในรอบ 19 ปี