เอเจนซี – แม้รัฐบาลจีนได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาล 2.5 แสนล้านเหรียญ เพื่อสร้างบ้านใหม่ให้แก่เหยื่อในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในจีน และพยายามที่จะหางานให้คนเหล่านั้นทำ แต่ก็ใช่ว่าความโศกเศร้าในชีวิตของบรรดาผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น จะสูญสลายไปกับกาลเวลา
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรง ที่เกิดขึ้นในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ได้คร่าชีวิตบุตรชายวัย 12 ปีของ หวัง เฉิง พร้อมกับทำลายบ้านของเขา รวมทั้งตลาดซึ่งเขาใช้ทำงานในอาชีพคนขายเนื้อ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาเกือบสิ้นสติไปเพราะความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน
มาถึงวันนี้ วันที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งปี หวัง เฉิง สามารถกลับมายืนด้วยลำแข้งตัวเองอีกครั้ง เขาซ่อมบ้านเก่าขึ้นมาด้วยเศษไม้ที่หามาได้จากตัวอาคารที่พังทลายลง มุงด้วยผืนผ้าใบที่เขาซื้อหามาได้ด้วยเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เขาเปิดร้านขายหมูในที่พักชั่วคราวที่ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอาศัยอยู่ เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงครอบครัว
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมปีที่แล้ว ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ริคเตอร์ที่ประเทศจีน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 หมื่นคน และยังมีผู้สูญหายอีก 17,000 คน โดยมณฑลชื่อชวน (เสฉวน) ถือเป็นพื้นที่ประสบภัยร้ายแรงที่สุด
หลายคนยังคงต้องอาศัยอยู่โรงพักชั่วคราวที่ทำจากโลหะ ขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งก่อสร้างบ้านพักถาวรให้แก่พวกเขา รวมถึงการสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และสาธารณูปโภคต่างๆ ขึ้นมาทดแทนสิ่งที่พังทลายลงไป โดยคาดว่ารัฐบาลจีนต้องใช้เงินถึง 1.7 ล้านล้านหยวน (ราว7.82 ล้านล้านบาท) เพื่อการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่ และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บ้านพักแบบชนบทกว่า 1 ล้านหลังก็ได้สร้างเสร็จแล้ว
ขณะเดียวกันการใช้เงินเพื่อก่อสร้างถนน สะพาน อาคารต่างๆ รวมทั้งการก่อสร้างโครงการอื่นๆ ได้ทำให้เศรษฐกิจของเฉิงตูเติบโตขึ้น โดยในไตรมาสแรกของปีนี้พบว่าจีดีพีในเฉิงตูโตขึ้น 12.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็น 2 เท่าตัวของอัตราเติบโตในจีนทั้งประเทศ
การก่อสร้างที่ไหนๆ ก็คงไม่ยากเท่าเมืองอิ้งซิ่ว ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเกิดแผ่นดินไหว เพราะตัวอาคารทุกแห่งในเมืองนี้ได้พังทลายลง ตัวเลขจากทางการจีนระบุว่า จำนวน 2 ใน 3 ของจำนวนประชากร 16,000 คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ช่วงก่อนเกิดแผ่นดินไหวได้เสียชีวิต หรือสูญหายไป คงเหลือประชากรเพียง 3,800 คนเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้
ตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา การฟื้นฟูเมืองนี้หมดไปกับการขุดเศษหินเศษปูนกองใหญ่ที่ทับถมอยู่ใจกลางเมือง จนถึงขณะนี้ พื้นที่เขตเมืองเก่าส่วนใหญ่ยังคงเป็นที่ราบเกลื่อนกลาดไปด้วยเศษอิฐเศษปูน และการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้แก่ผู้รอดชีวิต 3,800 คนจะเริ่มขึ้นในเร็ววันนี้ ปัจจุบันนี้ ชาวบ้านในตำบลอิ้งซิ่วยังคงพำนักอยู่ในบ้านพักชั่วคราวที่รัฐบาลสร้างให้เมื่อปีที่แล้ว
ผู้รอดชีวิตหลายๆ คนในตำบลนี้ หารายได้ด้วยการเป็นแรงงานรับจ้างในงานก่อสร้าง ขณะที่อีกหลายคนหาทาง “เอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง” ด้วยการทำธุรกิจและเปลี่ยนที่พักชั่วคราวของพวกเขาให้เป็นสถานประกอบการ
ยังมีร้านขายอาหารการกินอีกหลายแห่งเกิดขึ้นในตำบลนี้ รวมถึงร้านอาหารที่มีชื่อว่า “ภัตรคารศูนย์กลางแผ่นดินไหว” นอกจากนี้ ยังมีร้านน้ำชา ร้านซักรีดเสื้อผ้า ร้านอัดล้างรูป และอินเทอร์เนต คาเฟ่ ที่ให้บริการเกมอินเทอร์เนต
เศษไม้และเศษปูนกองใหญ่ยังคงถูกทิ้งไว้ใกล้ๆ กับโรงเรียนประถมที่ถล่มลงมาเพราะแผ่นดินไหว และตัวอาคารเรียนก็พังลงมาทับร่างนักเรียนตัวเล็กๆ ณ วันนี้ หนังสือเรียนของเด็กๆ เหล่านั้นยังคงปลิวกระจายอยู่ในสนามหน้าโรงเรียน และที่เสาธงของโรงเรียน ก็มีเทียน ธูป และผลไม้นานาชนิด ที่พ่อแม่ของเด็กนักเรียนนำมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขา
ทั้งนี้ ทางการเพิ่งเผยเมื่อสัปดาห์แล้วว่า มีเด็กนักเรียน 5,335 คน เสียชีวิตและหายสาบสูญไประหว่างแผ่นดินไหว ซึ่งทำให้โรงเรียนกว่า 14,000 แห่ง พังทลายลง
หวัง เฉิง พ่อค้าขายเนื้อเล่าว่า หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว เขาและพ่อแม่ของเด็กอื่นๆ ใช้เวลาหลายวันขุดเศษซากของโรงเรียนด้วยมือเปล่า ด้วยหวังว่าจะได้พบร่างของเด็กที่ยังมีชีวิตรอด “เราเห็นร่างคนถูกตัดขาดเป็นท่อนๆ มันน่ากลัวมาก”
สำหรับลูกชายของเขาเองนั้น หวังเล่าว่า เขายังไม่พบร่างลูกชายเขาเช่นกัน และยังเชื่อว่าร่างของลูกชายเขาน่าจะถูกฝังไปพร้อมกับเด็กอีกหลายคน ในหลุมฝังศพรวมที่อยู่บนเชิงเขาตรงข้ามกับตลาดที่ปัจจุบันเขาขายเนื้ออยู่
เนื่องจากโรงเรียนประจำตำบลได้ถูกทำลายลง ทำให้ หงพาน ลูกสาววัย 14 ปีของเขาต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนของรัฐทางตอนเหนือของมณฑลซันซี ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางจากชื่อชวนไปบนรถไฟถึง 20 ชม.
“ทุกวันนี้ผมยังคงฝันร้าย ชีวิตผมยังมีเงาของเหตุการณ์แผ่นดินไหวครอบอยู่” หวัง เฉิง กล่าว และว่า ทุกวันนี้เขาพยายามทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา ภรรยาของหวังเสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วและตอนนี้เขาก็มีแฟนใหม่ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวเช่นเดียวกัน เขาบอกว่า “เรายังมีจิตใจเข้มแข็งอยู่ และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือว่า ผมยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่” หวัง กล่าวทิ้ง