เอเจนซี่ – หลังจากรสนิยมคนอเมริกันได้ผูกขาดแนวโน้มตลาดรถยนต์โลกมาหนึ่งศตวรรษ ทว่านับต่อจากนี้ไป พญามังกรกำลังมีอิทธิพลมากขึ้นในการกำหนดทิศทางตลาด หลังจากยอดขายรถในจีนพุ่งกระฉูด สวนวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างไม่น่าเชื่อ
ยอดขายรถยนต์ในจีนช่วงไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งแซงหน้าสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนสามารถทนทานมรสุมเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่าชาติเศรษฐกิจใหญ่รายอื่น
นอกจากนั้น ยังปรากฏสัญญาณ ที่ชัดเจนขึ้นทุกที ว่า แดนมังกรจะกลายเป็นตลาดรถยนต์ชั้นนำในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดความเคลื่อนไหวใหม่ในหมู่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ เช่น เดมเล่อร์, ฟอร์ด มอเตอร์, เจเนอรัล มอเตอร์ และนิสสัน โดยบริษัทเหล่านี้กำลังหันไปให้ความสนใจกับรสนิยมรถยนต์แบบจีน ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะ ที่เพิ่มเข้ามาให้คนซื้อรถทั่วโลกได้พิจารณา ก่อนตัดสินใจควักกระเป๋า นับตั้งแต่การประหยัดน้ำมัน ไปจนถึงมีเบาะนั่งตอนหลัง ที่สบายกว่า นอกเหนือไปจากลักษณะรถยนต์แบบที่คนอเมริกันต้องการ เช่น รถแบบสปอร์ต หรือพิถีพิถันความสะดวกสบาย เช่น มีที่รองถ้วยน้ำภายในรถ
ขณะนี้ รัฐบาลจีนกำลังมุ่งส่งเสริมการผลิตรถยนต์ ที่ประหยัดน้ำมัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมัธยัสถ์ เนื่องจากรายได้ต่อหัวประชากรในจีนยังคงต่ำกว่าในสหรัฐฯ ถึง 1 ต่อ 16 อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักก็คือรัฐบาลจีนมุ่งมั่นลดการพึ่งพาน้ำมันนำเข้าจากต่างประเทศ
หลังจากปรากฏว่า ยอดขายรถ ซึ่งมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กในจีนพุ่งขึ้น ขณะที่รถรุ่นกินน้ำมัน มียอดขายชะลอลง หรือบางรุ่น ยอดขายตกฮวบ อันเป็นผลจากรัฐบาลจีนออกมาตรการเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยลดการจัดเก็บภาษีเหลือร้อยละ 1 สำหรับรถยนต์ครอบครัว ซึ่งเครื่องยนต์กินน้ำมันไม่เกิน 1.6 ลิตร และปรับขึ้นภาษีถึงร้อยละ 40 สำหรับรถยนต์, รถมินิแวน และรถสปอร์ต ซึ่งเครื่องยนต์กินน้ำมันเกินกว่านั้น
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ข้ามชาติจึงขานรับด้วยการส่งเทคโนโลยีการประหยัดน้ำมันไปยังจีน เพื่อลดขนาดเครื่องยนต์ ให้กินน้ำมันไม่เกินปริมาณดังกล่าว หรือน้อยกว่านั้น แต่ขณะเดียวกัน ก็เพิ่มสมรรถนะของรถให้มากที่สุด
จอห์น พาร์เกอร์ รองประธานบริหารฝ่ายเอเชีย, แปซิฟิก และแอฟริกา ของฟอร์ดมอเตอร์ระบุว่า ทางบริษัทจะจัดส่งเทคโนโลยีประหยัดน้ำมัน “อีโค บูสต์” (Eco-boost) ไปให้แก่บริษัทร่วมทุนในจีน และกำลังพิจารณาแผนพัฒนารถยนต์ในอนาคต หลังจากประเมินแล้วว่า รัฐบาลจีนยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมรถยนต์ประหยัดน้ำมันต่อไป
ด้านเจเนอรัล มอเตอร์ หรือจี.เอ็ม. กำลังพยายามเพิ่มยอดขายรถยนต์รุ่นประหยัดน้ำมันในตลาดทั่วโลก และเน้นตลาดจีนเป็นพิเศษ โดยปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นร้อยละ34 ในบริษัทอู่หลิงของจีน ซึ่งได้ผลิตรถไมโครมินิแวน กินน้ำมัน 43 ไมล์ต่อแกลลอนออกสู่ตลาดแล้ว อย่างไรก็ตาม รถอู่หลิงยังไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ
ถึงกระนั้น นิก เรลลี ประธานฝ่ายปฏิบัติการด้านเอเชียและแปซิฟิกของจี.เอ็ม. ระบุเมื่อวันจันทร์ (20 เม.ย.) ว่า เขาต้องการผลักดันให้มีการส่งออกรถอู่หลิงในตลาดนอกในอนาคต แม้ไม่ใช่ในตลาดสหรัฐฯ ก็ตาม ซึ่งนับเป็นการเอ่ยถึงความสนใจในการขยายตลาดในต่างประเทศของผู้บริหารจี.เอ็ม.เป็นครั้งแรก หลังจากบริษัทประสบวิกฤตทางการเงินในปีที่แล้ว กระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเข้าอุ้ม
นอกจากมุ่งส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันแล้ว รัฐบาลจีนยังกำลังมุ่งผลิตรถยนต์ ซึ่งใช้เชื้อเพลิงทางเลือกอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า ( electric car) และต้องการเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านนี้
ในเดือนนี้ บริษัทนิสสันจึงได้เริ่มทดลองผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่โรงงานในเมืองอู๋ฮั่น เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลจีน
นอกจากรถยนต์ประหยัดน้ำมันแล้ว รสนิยม ที่ชื่นชอบเบาะนั่งตอนหลังสบาย ๆ ของคนจีน ยังอาจกลายเป็นเทรนด์สำคัญสำหรับตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยรสนิยมดังกล่าว มีที่มาที่ไปก็คือเจ้าของรถยนต์ในจีนมักจ้างคนขับรถประจำตัว ซึ่งได้รับเงินเดือนน้อย กล่าวคือเพียงเดือนละ 440 ดอลลาร์ ส่วนเจ้าของรถนั้น จะฆ่าเวลาในขณะการจราจรติดขัดด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ หรือใช้โทรศัพท์มือถือในที่นั่งตอนหลังนั่นเอง