xs
xsm
sm
md
lg

จีนผงาดบทบาท กำหนดแนวโน้มตลาดรถยนต์โลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางแบบวางท่าสวย โฆษณารถBMW ในงานแสดงรถยนต์ที่เซี่ยงไฮ้ (Auto Shanghai 2009) งานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่สุดของจีน เมื่อวันที่ 20 เม.ย. โดยมีค่ายรถยนต์ในจีนและทั่วโลกเข้าร่วม - ภาพ เอเอฟพี
เอเจนซี่ – หลังจากรสนิยมคนอเมริกันได้ผูกขาดแนวโน้มตลาดรถยนต์โลกมาหนึ่งศตวรรษ ทว่านับต่อจากนี้ไป พญามังกรกำลังมีอิทธิพลมากขึ้นในการกำหนดทิศทางตลาด หลังจากยอดขายรถในจีนพุ่งกระฉูด สวนวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างไม่น่าเชื่อ

ยอดขายรถยนต์ในจีนช่วงไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งแซงหน้าสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนสามารถทนทานมรสุมเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่าชาติเศรษฐกิจใหญ่รายอื่น

นอกจากนั้น ยังปรากฏสัญญาณ ที่ชัดเจนขึ้นทุกที ว่า แดนมังกรจะกลายเป็นตลาดรถยนต์ชั้นนำในระยะยาว

ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดความเคลื่อนไหวใหม่ในหมู่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ เช่น เดมเล่อร์, ฟอร์ด มอเตอร์, เจเนอรัล มอเตอร์ และนิสสัน โดยบริษัทเหล่านี้กำลังหันไปให้ความสนใจกับรสนิยมรถยนต์แบบจีน ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะ ที่เพิ่มเข้ามาให้คนซื้อรถทั่วโลกได้พิจารณา ก่อนตัดสินใจควักกระเป๋า นับตั้งแต่การประหยัดน้ำมัน ไปจนถึงมีเบาะนั่งตอนหลัง ที่สบายกว่า นอกเหนือไปจากลักษณะรถยนต์แบบที่คนอเมริกันต้องการ เช่น รถแบบสปอร์ต หรือพิถีพิถันความสะดวกสบาย เช่น มีที่รองถ้วยน้ำภายในรถ

ขณะนี้ รัฐบาลจีนกำลังมุ่งส่งเสริมการผลิตรถยนต์ ที่ประหยัดน้ำมัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมัธยัสถ์ เนื่องจากรายได้ต่อหัวประชากรในจีนยังคงต่ำกว่าในสหรัฐฯ ถึง 1 ต่อ 16 อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักก็คือรัฐบาลจีนมุ่งมั่นลดการพึ่งพาน้ำมันนำเข้าจากต่างประเทศ

หลังจากปรากฏว่า ยอดขายรถ ซึ่งมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กในจีนพุ่งขึ้น ขณะที่รถรุ่นกินน้ำมัน มียอดขายชะลอลง หรือบางรุ่น ยอดขายตกฮวบ อันเป็นผลจากรัฐบาลจีนออกมาตรการเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยลดการจัดเก็บภาษีเหลือร้อยละ 1 สำหรับรถยนต์ครอบครัว ซึ่งเครื่องยนต์กินน้ำมันไม่เกิน 1.6 ลิตร และปรับขึ้นภาษีถึงร้อยละ 40 สำหรับรถยนต์, รถมินิแวน และรถสปอร์ต ซึ่งเครื่องยนต์กินน้ำมันเกินกว่านั้น

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ข้ามชาติจึงขานรับด้วยการส่งเทคโนโลยีการประหยัดน้ำมันไปยังจีน เพื่อลดขนาดเครื่องยนต์ ให้กินน้ำมันไม่เกินปริมาณดังกล่าว หรือน้อยกว่านั้น แต่ขณะเดียวกัน ก็เพิ่มสมรรถนะของรถให้มากที่สุด

จอห์น พาร์เกอร์ รองประธานบริหารฝ่ายเอเชีย, แปซิฟิก และแอฟริกา ของฟอร์ดมอเตอร์ระบุว่า ทางบริษัทจะจัดส่งเทคโนโลยีประหยัดน้ำมัน “อีโค บูสต์” (Eco-boost) ไปให้แก่บริษัทร่วมทุนในจีน และกำลังพิจารณาแผนพัฒนารถยนต์ในอนาคต หลังจากประเมินแล้วว่า รัฐบาลจีนยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมรถยนต์ประหยัดน้ำมันต่อไป

ด้านเจเนอรัล มอเตอร์ หรือจี.เอ็ม. กำลังพยายามเพิ่มยอดขายรถยนต์รุ่นประหยัดน้ำมันในตลาดทั่วโลก และเน้นตลาดจีนเป็นพิเศษ โดยปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นร้อยละ34 ในบริษัทอู่หลิงของจีน ซึ่งได้ผลิตรถไมโครมินิแวน กินน้ำมัน 43 ไมล์ต่อแกลลอนออกสู่ตลาดแล้ว อย่างไรก็ตาม รถอู่หลิงยังไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ

ถึงกระนั้น นิก เรลลี ประธานฝ่ายปฏิบัติการด้านเอเชียและแปซิฟิกของจี.เอ็ม. ระบุเมื่อวันจันทร์ (20 เม.ย.) ว่า เขาต้องการผลักดันให้มีการส่งออกรถอู่หลิงในตลาดนอกในอนาคต แม้ไม่ใช่ในตลาดสหรัฐฯ ก็ตาม ซึ่งนับเป็นการเอ่ยถึงความสนใจในการขยายตลาดในต่างประเทศของผู้บริหารจี.เอ็ม.เป็นครั้งแรก หลังจากบริษัทประสบวิกฤตทางการเงินในปีที่แล้ว กระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเข้าอุ้ม

นอกจากมุ่งส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันแล้ว รัฐบาลจีนยังกำลังมุ่งผลิตรถยนต์ ซึ่งใช้เชื้อเพลิงทางเลือกอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า ( electric car) และต้องการเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านนี้

ในเดือนนี้ บริษัทนิสสันจึงได้เริ่มทดลองผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่โรงงานในเมืองอู๋ฮั่น เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลจีน

นอกจากรถยนต์ประหยัดน้ำมันแล้ว รสนิยม ที่ชื่นชอบเบาะนั่งตอนหลังสบาย ๆ ของคนจีน ยังอาจกลายเป็นเทรนด์สำคัญสำหรับตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยรสนิยมดังกล่าว มีที่มาที่ไปก็คือเจ้าของรถยนต์ในจีนมักจ้างคนขับรถประจำตัว ซึ่งได้รับเงินเดือนน้อย กล่าวคือเพียงเดือนละ 440 ดอลลาร์ ส่วนเจ้าของรถนั้น จะฆ่าเวลาในขณะการจราจรติดขัดด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ หรือใช้โทรศัพท์มือถือในที่นั่งตอนหลังนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น