เอเจนซี - ศูนย์วิจัยข้อมูลตลาด CMR สำรวจความเชื่อมั่นต่อการบริโภคของชาวจีนใน 10 เมืองปรากฏว่า ส่วนใหญ่มั่นใจจับจ่ายใช้สอยในปีนี้มากขึ้น ขณะที่มีการเก็งว่าธุรกิจซื้อขายออนไลน์และเกี่ยวกับความบันเทิงจะขยายตัวอย่างมาก
แม้ว่าข่าวเศรษฐกิจของจีนจะฟังแล้วห่อเหี่ยว คาดมีแรงงานตกงานถึง 20 ล้านคน โรงงานนับหมื่นแห่งปิดตัว การส่งออกสะดุด การลงทุนโดยตรงต่างประเทศตกฮวบ จนรัฐบาลหวั่นเกรงว่าจะเกิดความไม่สงบในสังคม
แต่ก็ยังมีบางเหตุผลที่ทำให้มองโลกในแง่ดีได้บ้าง อันได้แก่ การที่ธนาคารจีนเปิดก๊อกเพิ่มการปล่อยสินเชื่อ 237,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคมและอีก 157,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ก็ปรับตัวขึ้น 35% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยอดขายรถในเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตามไม่อาจปฏิเสธว่าประเทศจีนก็ได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก โดยประเด็นหนึ่งที่ทั่วโลกสนใจคือ ผู้บริโภคจีนจะสามารถชดเชยวิกฤตจากการส่งออกที่ลดลงได้หรือไม่ โดยก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกนั้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ คิดเป็น 71% ของการบริโภค ขณะที่ในประเทศจีนนั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 33% เท่านั้น นอกนั้นสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศทั้งสิ้น
จากการสำรวจของบริษัทวิจัย ไชน่า มาร์เก็ต ริเสิร์ช กรุ๊ป (CMR) เกี่ยวกับแนวโน้มการบริโภคของประชาชนใน 10 เมืองช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ปรากฏว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ในปี 2552 พวกเขาน่าจะใช้จ่ายมากกว่าปี 2551 ยกเว้นในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาครถยนต์ โดยเงินส่วนใหญ่จะใช้ไปกับความบันเทิงและการศึกษา
และเกือบ 80% มีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า
การมองโลกในแง่ดีข้างต้น กระตุ้นในยอดค้าปลีกเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ขยายตัว 15% ชนชั้นกลาง 250 ล้านคนของจีนยังคงจับจ่าย และยังมีโอกาสสำหรับนานาชาติที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศจีนในขณะที่คู่แข่งกำลังอ่อนแอ
จากการสำรวจของ CMR ระบุว่า ชาวจีนอายุระหว่าง 22-28 ปี รวมทั้งผู้หญิงอายุไม่เกิน 35 ปี ยังคงมองการบริโภคในแง่ดี ไม่เหมือนผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่สูญเสียความมั่นใจ และกำลังทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ธุรกิจซื้อขายผ่านออนไลน์ (e-commerce) และออนไลน์เกม น่าจะเป็นภาคที่นับจับตาในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยศูนย์วิจัย CMR คาดว่าธุรกิจซื้อขายผ่านออนไลน์น่าจะขยายตัวถึง 20% ในปี 2552 เนื่องจากผู้บริโภควัยหนุ่มสาวแสวงหาแหล่งเว็บไซต์ที่จำหน่ายคอมพิวเตอร์ เครื่องสำอาง และเสื้อผ้าที่ราคาถูกกว่า รวมทั้งสินค้าที่หาซื้อไม่ได้ เนื่องจากไม่มีผู้ค้าปลีกต่างชาติเข้าไปจำหน่ายในบางเมือง
ดังเช่นที่ผู้บริโภคชาวเซี่ยงไฮ้รายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่มีคอมพิวเตอร์ Thinkpad ขายในร้าน แต่ผมไปเจอคอมพิวเตอร์ที่หลากหลายและราคาถูกกว่าในเว็บไซต์”
ขณะที่ธุรกิจเกมออนไลน์นั้น ศูนย์วิจัย CMR ระบุว่ามีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนจากการออกไปทานข้าวนอกบ้าน หรือไปดื่มสังสรรค์ในผับบาร์ หันมาผ่อนคลายความเครียดด้วยการเล่นเกมแทน
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคก็ยังมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายไปกับกิจกรรมสร้างความบันเทิงที่มีราคาแพงด้วย โดยทางศูนย์วิจัยฯ เผยว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่วางแผนท่องเที่ยวในปี 2552 โดยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ระบุว่า พวกเธอวางแผนจะเที่ยวในปีนี้มากกว่าปีที่แล้วเสียอีก ส่วนใหญ่ตั้งเป้าเที่ยวในประเทศ ส่วนอีก 30% วางแผนไปชอปปิ้งต่างแดน เช่น ฮ่องกง และอิตาลี
แม้ว่าข่าวเศรษฐกิจของจีนจะฟังแล้วห่อเหี่ยว คาดมีแรงงานตกงานถึง 20 ล้านคน โรงงานนับหมื่นแห่งปิดตัว การส่งออกสะดุด การลงทุนโดยตรงต่างประเทศตกฮวบ จนรัฐบาลหวั่นเกรงว่าจะเกิดความไม่สงบในสังคม
แต่ก็ยังมีบางเหตุผลที่ทำให้มองโลกในแง่ดีได้บ้าง อันได้แก่ การที่ธนาคารจีนเปิดก๊อกเพิ่มการปล่อยสินเชื่อ 237,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคมและอีก 157,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ก็ปรับตัวขึ้น 35% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยอดขายรถในเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตามไม่อาจปฏิเสธว่าประเทศจีนก็ได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก โดยประเด็นหนึ่งที่ทั่วโลกสนใจคือ ผู้บริโภคจีนจะสามารถชดเชยวิกฤตจากการส่งออกที่ลดลงได้หรือไม่ โดยก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกนั้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ คิดเป็น 71% ของการบริโภค ขณะที่ในประเทศจีนนั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 33% เท่านั้น นอกนั้นสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศทั้งสิ้น
จากการสำรวจของบริษัทวิจัย ไชน่า มาร์เก็ต ริเสิร์ช กรุ๊ป (CMR) เกี่ยวกับแนวโน้มการบริโภคของประชาชนใน 10 เมืองช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ปรากฏว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ในปี 2552 พวกเขาน่าจะใช้จ่ายมากกว่าปี 2551 ยกเว้นในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาครถยนต์ โดยเงินส่วนใหญ่จะใช้ไปกับความบันเทิงและการศึกษา
และเกือบ 80% มีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า
การมองโลกในแง่ดีข้างต้น กระตุ้นในยอดค้าปลีกเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ขยายตัว 15% ชนชั้นกลาง 250 ล้านคนของจีนยังคงจับจ่าย และยังมีโอกาสสำหรับนานาชาติที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศจีนในขณะที่คู่แข่งกำลังอ่อนแอ
จากการสำรวจของ CMR ระบุว่า ชาวจีนอายุระหว่าง 22-28 ปี รวมทั้งผู้หญิงอายุไม่เกิน 35 ปี ยังคงมองการบริโภคในแง่ดี ไม่เหมือนผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่สูญเสียความมั่นใจ และกำลังทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ธุรกิจซื้อขายผ่านออนไลน์ (e-commerce) และออนไลน์เกม น่าจะเป็นภาคที่นับจับตาในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยศูนย์วิจัย CMR คาดว่าธุรกิจซื้อขายผ่านออนไลน์น่าจะขยายตัวถึง 20% ในปี 2552 เนื่องจากผู้บริโภควัยหนุ่มสาวแสวงหาแหล่งเว็บไซต์ที่จำหน่ายคอมพิวเตอร์ เครื่องสำอาง และเสื้อผ้าที่ราคาถูกกว่า รวมทั้งสินค้าที่หาซื้อไม่ได้ เนื่องจากไม่มีผู้ค้าปลีกต่างชาติเข้าไปจำหน่ายในบางเมือง
ดังเช่นที่ผู้บริโภคชาวเซี่ยงไฮ้รายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่มีคอมพิวเตอร์ Thinkpad ขายในร้าน แต่ผมไปเจอคอมพิวเตอร์ที่หลากหลายและราคาถูกกว่าในเว็บไซต์”
ขณะที่ธุรกิจเกมออนไลน์นั้น ศูนย์วิจัย CMR ระบุว่ามีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนจากการออกไปทานข้าวนอกบ้าน หรือไปดื่มสังสรรค์ในผับบาร์ หันมาผ่อนคลายความเครียดด้วยการเล่นเกมแทน
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคก็ยังมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายไปกับกิจกรรมสร้างความบันเทิงที่มีราคาแพงด้วย โดยทางศูนย์วิจัยฯ เผยว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่วางแผนท่องเที่ยวในปี 2552 โดยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ระบุว่า พวกเธอวางแผนจะเที่ยวในปีนี้มากกว่าปีที่แล้วเสียอีก ส่วนใหญ่ตั้งเป้าเที่ยวในประเทศ ส่วนอีก 30% วางแผนไปชอปปิ้งต่างแดน เช่น ฮ่องกง และอิตาลี