เอเชียน วอลสตรีต เจอร์นัล – ในยามที่เศรษฐกิจชาติอุตสาหกรรมชั้นนำตกอยู่ในภาวะถดถอย แต่พญามังกรแม้เดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา แต่ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงิน สามารถขยายช่องทางเข้าแหล่งน้ำมันแดนรัสเซีย ภายใต้การทำข้อตกลงปล่อยกู้จำนวน 25,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัทน้ำมันใหญ่หมีขาว 2 ราย ด้านพรรคการเมืองแดนจิงโจ้ไหวทัน เรียกร้องรัฐบาลโดดสกัดพญามังกรเข้าเทกโอเวอร์บริษัทเหมืองแร่ในบ้าน
ข้อตกลงฉบับดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้านพลังงานอย่างกว้างขวางระหว่างจีนกับรัสเซีย โดยโฆษกของบริษัทน้ำมันโอเอโอ ทรานส์เนฟต์ (OAO Transneft)ของรัสเซียแจ้งว่า เมื่อวันอังคาร (17 ก.พ.) จีนและรัสเซียได้ลงนามข้อตกลงระยะยาว โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาของจีนจะปล่อยกู้เงินก้อนดังกล่าวให้แก่ โอเอโอ รอสเนฟต์ (OAO Rosneft) วิสาหกิจรัฐผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของรัสเซีย และทรานส์เนฟต์ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการเดินท่อส่งน้ำมัน โดยฝ่ายรัสเซียจะจัดส่งน้ำมันดิบป้อนให้จีนเพิ่มเติม จากปัจจุบัน ที่มีการส่งให้อยู่แล้ว เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในปริมาณปีละ 15 ล้านเมตริกตัน
แหล่งข่าวใกล้ชิดอีกรายระบุว่า ตามข้อตกลงดังกล่าว รัสเซียต้องส่งน้ำมันให้แก่จีนวันละประมาณ 3 แสนบาร์เรล หรือถึงเกือบร้อยละ 10 ของปริมาณน้ำมันที่จีนนำเข้าในปัจจุบัน แต่แหล่งข่าวมิได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการปล่อยกู้และราคาน้ำมัน ที่จีนต้องจ่าย
อย่างไรก็ตาม ธนาคารเพื่อการพัฒนาของจีน ซึ่งควบคุมโดยรัฐบาล ปฏิเสธให้ความเห็น ด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่าการลงนามครั้งนี้ มีรองนายกรัฐมนตรี หวัง ฉีซัน และรองนายกรัฐมนตรี อีกอร์ เซชิน ของรัสเซียเป็นประธาน
จีนและรัสเซียใช้เวลาเจรจากันเรื่องข้อตกลงส่งน้ำมันดิบข้ามพรมแดนมานานราว 10 ปีแล้ว แต่ติดขัดอุปสรรค ที่ว่าจีนเรียกร้องน้ำมันดิบจากรัสเซียในปริมาณมาก ขณะที่ฝ่ายรัสเซียต้องการได้เงินกู้โดยผ่านขั้นตอนง่าย ๆ
อย่างไรก็ตาม วิกฤตสินเชื่อในปัจจุบัน และความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลงในโลก โดยการผลิตน้ำมันของรัสเซียในปี 2551 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และรัสเซียเองยังต้องการลดการพึ่งพาลูกค้าจากชาติตะวันตก ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้จีนเป็นต่อ และบรรลุข้อตกลงร่วมกันในที่สุด
ทั้งนี้ จีนเป็นชาติผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีนต้องการเข้าสู่แหล่งน้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้น เหตุผลหนึ่งก็เนื่องจากจีนต้องการลดการพึ่งพาน้ำมันจากตะวันออกกลาง ซึ่งจีนนำเข้ามากถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำมันที่ใช้ทั้งหมด แต่เส้นทางขนส่งทางเรือมีอันตรายไม่น้อย
การเดินหน้าทำข้อตกลงต่าง ๆ กับบริษัทด้านทรัพยากรธรรมชาติของต่างชาติ กำลังสร้างความกังวลแก่ออสเตรเลีย โดยก่อนหน้าการบรรลุข้อตกลงน้ำมันกับรัสเซีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไชนาลโค วิสาหกิจรัฐผู้ผลิตอะลูมิเนียมของจีนเพิ่งทำข้อตกลงเพิ่มการถือหุ้นในริโอ ทินโต บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่แดนจิ้งโจ้ภายใต้สัญญามูลค่า 19,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อวันจันทร์ (16 ก.พ.) บริษัทไชน่ามินเมตเทิลส์ เพิ่งเสนอเข้าซื้อกิจการบริษัทออซ มิเนอรัลส์ ที่กำลังร้อนเงินด้วยหนี้สินรุงรัง
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้จีนมีบทบาทมากขึ้นในตลาดโภคภัณฑ์โลก ซึ่งจะทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศตน เช่น การกดดันให้สินค้าโภคภัณฑ์ราคาต่ำลง
ล่าสุด พรรคกรีนของออสเตรเลีย ซึ่งจับมือกับพรรคเล็กพรรคน้อย ทำให้มีอำนาจคัดง้างในวุฒิสภา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลนำเรื่องการทำข้อตกลงของริโอ ทินโตและออซ มิเนอรัลส์เข้าสู่การอภิปรายและลงมติเห็นชอบในรัฐสภา แม้ว่าในปัจจุบันกฎระเบียบว่าด้วยการลงทุนของต่างชาติต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเท่านั้น
“ไม่มีทางที่ผู้ปกครองเผด็จการคอมมิวนิสต์ในปักกิ่งจะยอมให้บริษัทออสเตรเลียเข้าทำสัญญาซื้อกิจการ เพื่อควบคุมแหล่งทรัพยากรของจีนแบบเดียวกันนี้” นายบ็อบ บราวน์ วุฒิสมาชิกผู้นำพรรคกรีนกล่าว
“ การปล่อยให้รัฐบาลเผด็จการของจีน ซึ่งใช้กำลังปิดกั้นประชาธิปไตย เข้ามาควบคุมบริษัทเหล่านี้และทรัพยากรของเรานับเป็นสิ่งอันตรายสำหรับประเทศประชาธิปไตยและเปิดกว้างของเรา” เขาสรุป
ด้านนายเวย์น สแวน รัฐมนตรีคลังปฏิเสธกล่าวถึงจุดยืนของรัฐบาลต่อกรณีทั้งสอง เพียงแต่ระบุว่าจะตัดสิน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ