เอเชียน วอลสตรีต เจอร์นัล – จีนประกาศแผนยกเครื่องระบบการดูแลสุขภาพประชาชนทั่วหน้า ปรับปรุงโรงพยาบาลรัฐ อุดช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนเมืองกับชนบท นักวิเคราะห์ชี้ เหตุผลเบื้องลึก หวังดูดเงินออมชาวบ้าน มากระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันพุธ (21 ม.ค.) รัฐบาลจีนประกาศทุ่มเงิน 124,000 ล้านดอลลาร์สำหรับช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อขยายระบบประกันการรักษาพยาบาลให้ครอบคลุมร้อยละ 90 ของประชากรทั้งประเทศภายในปี 2554 ตลอดจนให้บริการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานในด้านต่าง ๆ แก่ประชากรทั้งประเทศ 1,300 ล้านคนอย่างทั่วถึง
เป้าหมายหนึ่ง ที่กำหนดในแผนได้แก่การสร้างเครือข่ายของโรงพยาบาล,คลินิก และศูนย์อนามัยชุมชนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในเมืองและชนบท นอกจากนั้น จะขยายการประกันสุขภาพให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยรัฐบาลจะเพิ่มเงินอุดหนุนสำหรับเบี้ยประกัน
ปัจจุบัน ชาวจีนจำนวนมากไม่มีประกันสุขภาพ และต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ดังนั้น หากมีเงินไม่พอ ก็ต้องหยุดการรักษาไป ไม่เว้นแม้แต่กรณีเจ็บป่วยหนัก ความล้มเหลวของระบบการดูแลสุขภาพประชาชนได้กระตุ้นให้เกิดกระแสความไม่พอใจของผู้คนในประเทศ
นอกจากนั้น การขาดหลักประกันด้านสุขภาพ และระบบสวัสดิการ ที่อ่อนแอในสังคม ยังส่งผลให้ชาวจีนต้องการเก็บเงิน มากกว่านำออกมาใช้จ่าย ดังนั้น จึงเป็นอุปสรรคสำหรับรัฐบาล ที่กำลังพยายามกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยลดการพึ่งพาการส่งออก
วิลเลียม เซียว นักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมองว่า การขยายการประกันสุขภาพให้ครอบคลุมกว้างขวางอาจเป็นการเริ่มต้นเปลี่ยนดุลภาพในจีนจากการออมเงิน ไปสู่การบริโภคมากขึ้นก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม เซียวเตือนว่า จีนจะไม่สามารถปรับปรุงระบบการรักษาพยาบาลประชาชนถ้วนหน้าได้เลย ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ทราบถึงปัญหาต่าง ๆ ที่แท้จริงของโรงพยาบาล ซึ่งยังมีอีกมากมายที่รัฐบาลไม่รู้
ทั้งนี้ เมื่อจีนหันเข้าสู่เศรษฐกิจระบบตลาดเสรีในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ก็ได้ตัดงบประมาณด้านการดูแลประชาชนลงอย่างมาก โดยเฉพาะในชนบท และมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจด้านการรักษาพยาบาลไปสู่มือเอกชน
นอกจากนั้น ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แม้แต่โรงพยาบาลของรัฐเองก็ถูกกดดันให้แสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจในการรักษาพยาบาล มีการโก่งค่ายา เพื่อเพิ่มรายได้เข้ากระเป๋า
ดังนั้น รัฐบาลจีนจึงพยายามเข้ามาควบคุม เพื่อให้การประกันสามารถครอบคลุมไปถึงการผลิตและการจำหน่ายยา ซึ่งจะสามารถลดการค้ากำไรจากการขายยาของพวกหมอและโรงพยาบาลไปได้ โดยให้พึ่งค่ารักษาพยาบาลเป็นหลัก
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก รัฐบาลจีนจัดสรรงบประมาณในปี 2549 สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชน ไม่ถึงร้อยละ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี โดยจีนรั้งอยู่ในอันดับที่ 156 จากทั้งหมด 196 ประเทศในการดูแลสุขภาพประชาชน
นอกจากนั้น ยังระบุด้วยว่า ชาวจีนแต่ละคนต้องแบกภาระเกือบร้อยละ 50 ของค่ารักษาพยาบาล ส่วนรัฐบาลแบกรับร้อยละ 18 และราวร้อยละ 33 แบกรับโดยการประกันสุขภาพประเภทต่าง ๆ
องค์การอนามัยโลกกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลจีนจัดสรรงบประมาณในด้านนี้ให้แก่ประชาชนอย่างไม่เท่าเทียมกันอีกด้วย โดยในปี 2548 บริการสาธารณสุขถึงมือประชาชนในชนบทเพียงร้อยละ 25 แม้ว่าชาวชนบทมีจำนวนสูงเกือบร้อยละ 60 ของประชากรทั้งประเทศก็ตาม
อย่างไรก็ดี จากการแถลงเมื่อวันพุธ รัฐบาลจีนแสดงความมุ่งหมาย ที่จะอุดช่องว่างด้านการดูแลสุขภาพประชาชนระหว่างคนเมืองกับคนชนบทให้ได้