เอเจนซี่ - ทางการจีนประกาศปรับเพิ่มตัวเลข จีดีพี ปี 2007 ว่ามีการเติบโตที่ 13.0% ทำให้จีน แซงหน้าเยอรมนี ครองตำแหน่งประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สามของโลก
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศในวันนี้ (14 ม.ค.) ถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของจีน ในปี 2007 ว่าเติบโตสูงถึง 13.0% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับจากปี 1993 ซึ่งจีดีพี เติบโตที่ 13.5%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ มองว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจจีนที่ประกาศออกมาใหม่นี้ จะไม่ส่งผลอะไรมากต่อตลาด ซึ่งมีทิศทางชะลอการเติบโตลงอย่างชัดเจนในปีนี้
“การประกาศเปลี่ยนแปลง ตัวเลขจีดีพี ของ 2 ปีก่อนคงไม่ส่งผลอะไรต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะสั้น เพราะทิศทางในปี 2009 นั้นมีแนวโน้มชะลอลงอย่างแน่นอน เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลต่อการส่งออก ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจหลักของของจีน ” เชอร์แมน ชาน จากบริษัทมูดดี้ ให้ความเห็น
ทั้งนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน จะประกาศตัวเลขจีดีพี ปี 2008 ในสัปดาห์หน้า แต่จากข้อมูลของปี 2007 ก็ทำให้ระบุได้ว่า จีน ได้แซงหน้าเยอรมนี ขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สามของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
แต่ถึงแม้ว่า จีน จะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่โต แต่รายได้เฉลี่ยของประชากรก็ยังอยู่ในขั้นต่ำ โดยปี 2007 สหรัฐอเมริกามีรายได้เฉลี่ยของประชากร อยู่ที่ 46,040 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่จีน มีรายได้เฉลี่ยของประชากรแค่ 2,360 เหรียญสหรัฐฯ
โดยรายงานของธนาคารโลก ระบุว่า จีนมีรายได้เฉลี่ยของประชากรอยู่ในลำดับที่ 132 ถือว่า จนกว่า ประเทศ กัวเตมาลา เสียอีก
ทั้งนี้จากตัวเลขจีดีพี ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศใหม่นี้ สามารถคำนวณได้ว่า ในปี 2007 ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างเติบโต 14.7% ภาคบริการเติบโต 13.8% และภาคเกษตรเติบโต 3.7% และมูลค่าจีดีพีรวม 25.73 ล้านล้านหยวน
