รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา กล่าวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ มหาศาลาประชาชนเนื่องในวาระครบรอบ 30 ปีปฏิรูปเศรษฐกิจจีน ย้ำการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาเป็นเพราะนโยบายปฏิรูปของ เติ้ง เสี่ยวผิง ที่ยกเลิกแนวทางควบคุมอย่างเข้มงวดของอดีตผู้นำเหมา เจ๋อตุง ด้วยการค่อยๆ เปิดเศรษฐกิจให้ภาคเอกชนและต่างชาติลงทุน จนประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์ พร้อมระบุจีนจะเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจระบบตลาดต่อไป
วันนี้ (18 ธ.ค.) หู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวาระครบรอบ 30 ปีปฏิรูป เปิดประเทศจีน ณ มหาศาลาประชาชน โดยเขากล่าวว่า ความพยายามยามของรัฐบาลในการต่อสู้กับผลจากเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำกำลังสัมฤทธิ์ผล พร้อมให้คำมั่นว่าจะสร้างสังคมปรองดองและความเสมอภาคมากยิ่งขึ้น
“การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประเทศเติบโตตลอดเวลา และมันยังเป็นพื้นฐานภาคบังคับสำหรับพรรคของเราและประเทศของเรา ที่นำไปสู่ความมั่งคั่ง การพัฒนา และกระตุ้นให้เกิดความสงบสุขและมีเสถียรภาพ”
ทั้งนี้จีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งหลังจากเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศตั้งแต่ ค.ศ.1978 เมื่อคณะผู้นำพรรคได้ประชุมหารือและตกลงมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหลังจากประเทศจีนโดดเดี่ยวและประสบภาวะความยุ่งยากมาหลายสิบปีภายใต้การปกครองของเหมา เจ๋อตง
แต่ปัจจุบันจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทำให้จีนได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวและประชาชนตกงานมากมาย เนื่องจากโรงงานที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกจำกัดการผลิตหรือถึงขั้นปิดกิจการ
โดยตัวเลขการส่งออกในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นร่วงลง 2.2% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2001 ซึ่งบ่งชี้ถึงอันตรายจากความไร้เสถียรภาพทางสังคมที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นปัญหาหนักอกอันดับต้นๆ ของผู้นำคอมมิวนิสต์
หูกล่าวว่า จีน “ได้รับผลในเชิงบวกจากการต่อสู้กับวิกฤตการเงินโลก” แต่กระนั้นจีนก็ยังจำเป็นต้องเดินหน้ารักษาสมดุลการปฏิรูปสู่ระบบตลาดและการควบคุมทางการเมืองทุกระดับชั้น
“เราต้องใช้มาตรการต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ และสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รับมือกับวิกฤตการเงินโลกอย่างเหมาะสม และพยายามอย่างสุดกำลังที่จะรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ” หูกล่าว
ไม่ตามก้นตะวันตก
พร้อมกันนี้ หู จิ่นเทายังย้ำว่า จีนจะต้อง “มุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับการควบคุมเศรษฐกิจมหภาค และเอาชนะข้อบกพร่องในตลาดของตัวเอง”
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากเติ้ง เสี่ยวผิงตัดสินใจปฏิรูปประเทศจีน ทำลายการควบคุมอย่างเข้มงวดในสมัยเหมา เจ๋อตง พร้อมทั้งเปิดเศรษฐกิจให้เอกชนและต่างชาติเข้ามาลงทุน
เขากล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเอาใจใส่ความต้องการของประชาชน แต่ก็ต้องปฏิเสธแนวความคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยสไตล์ตะวันตก
“เราต้องนำเอาผลอันเกิดจากความมีอารยธรรมทางการเมืองของมนุษย์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่เราจะไม่เลียนแบบระบบการเมืองของฝั่งตะวันตก” หูกล่าว
พร้อมทิ้งท้ายว่า “พวกเราต้องตระหนักชัดเจนว่า การพัฒนาเป็นสิ่งสำคัญ และการมีเสถียรภาพก็เป็นภารกิจของเรา หากไม่มีเสถียรภาพแล้ว ทุกอย่างก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ และความสำเร็จที่เราสร้างก็จะพังทลายลง”
วันนี้ (18 ธ.ค.) หู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวาระครบรอบ 30 ปีปฏิรูป เปิดประเทศจีน ณ มหาศาลาประชาชน โดยเขากล่าวว่า ความพยายามยามของรัฐบาลในการต่อสู้กับผลจากเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำกำลังสัมฤทธิ์ผล พร้อมให้คำมั่นว่าจะสร้างสังคมปรองดองและความเสมอภาคมากยิ่งขึ้น
“การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประเทศเติบโตตลอดเวลา และมันยังเป็นพื้นฐานภาคบังคับสำหรับพรรคของเราและประเทศของเรา ที่นำไปสู่ความมั่งคั่ง การพัฒนา และกระตุ้นให้เกิดความสงบสุขและมีเสถียรภาพ”
ทั้งนี้จีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งหลังจากเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศตั้งแต่ ค.ศ.1978 เมื่อคณะผู้นำพรรคได้ประชุมหารือและตกลงมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศหลังจากประเทศจีนโดดเดี่ยวและประสบภาวะความยุ่งยากมาหลายสิบปีภายใต้การปกครองของเหมา เจ๋อตง
แต่ปัจจุบันจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทำให้จีนได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวและประชาชนตกงานมากมาย เนื่องจากโรงงานที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกจำกัดการผลิตหรือถึงขั้นปิดกิจการ
โดยตัวเลขการส่งออกในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นร่วงลง 2.2% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2001 ซึ่งบ่งชี้ถึงอันตรายจากความไร้เสถียรภาพทางสังคมที่เพิ่มสูงขึ้น อันเป็นปัญหาหนักอกอันดับต้นๆ ของผู้นำคอมมิวนิสต์
หูกล่าวว่า จีน “ได้รับผลในเชิงบวกจากการต่อสู้กับวิกฤตการเงินโลก” แต่กระนั้นจีนก็ยังจำเป็นต้องเดินหน้ารักษาสมดุลการปฏิรูปสู่ระบบตลาดและการควบคุมทางการเมืองทุกระดับชั้น
“เราต้องใช้มาตรการต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ และสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รับมือกับวิกฤตการเงินโลกอย่างเหมาะสม และพยายามอย่างสุดกำลังที่จะรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ” หูกล่าว
ไม่ตามก้นตะวันตก
พร้อมกันนี้ หู จิ่นเทายังย้ำว่า จีนจะต้อง “มุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับการควบคุมเศรษฐกิจมหภาค และเอาชนะข้อบกพร่องในตลาดของตัวเอง”
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากเติ้ง เสี่ยวผิงตัดสินใจปฏิรูปประเทศจีน ทำลายการควบคุมอย่างเข้มงวดในสมัยเหมา เจ๋อตง พร้อมทั้งเปิดเศรษฐกิจให้เอกชนและต่างชาติเข้ามาลงทุน
เขากล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเอาใจใส่ความต้องการของประชาชน แต่ก็ต้องปฏิเสธแนวความคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยสไตล์ตะวันตก
“เราต้องนำเอาผลอันเกิดจากความมีอารยธรรมทางการเมืองของมนุษย์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่เราจะไม่เลียนแบบระบบการเมืองของฝั่งตะวันตก” หูกล่าว
พร้อมทิ้งท้ายว่า “พวกเราต้องตระหนักชัดเจนว่า การพัฒนาเป็นสิ่งสำคัญ และการมีเสถียรภาพก็เป็นภารกิจของเรา หากไม่มีเสถียรภาพแล้ว ทุกอย่างก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ และความสำเร็จที่เราสร้างก็จะพังทลายลง”