xs
xsm
sm
md
lg

เลือกศูนย์แนะแนวเรียนต่อเมืองจีน ถูก-ดี ไม่ถูกหลอก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์ -เปิด 6 ชื่อ ศูนย์แนะแนวเรียนต่อที่จีนขนาดใหญ่-ได้รับความนิยมสูง ชี้ข้อได้เปรียบจากประสบการณ์และหลักสูตรที่หลากหลาย เชื่อถือได้ว่าไม่ถูกหลอก พร้อมแนะข้อมูลการสมัคร-การเตรียมตัวก่อนเรียนจีน รวมทั้งสนนราคาที่เหมาะสมแต่ละหลักสูตร ด้านแบงค์กรุงเทพชี้รู้ภาษาจีน-พิมพ์ดีดจีน ได้เปรียบคนอื่นในการเข้าทำงาน แนะ “MBAจีน” กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก

ความที่ตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ และการที่ผู้ประกอบการจีนส่วนใหญ่ถนัดการใช้ภาษาจีนในการเจรจาต่อรองทางการค้ามากกว่าใช้ภาษาอังกฤษ ผู้ที่รู้ภาษาจีนจึงกลายเป็นผู้ได้เปรียบในวงการการค้าในจีนด้วย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม “ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อเมืองจีน” ถึงผุดเป็นดอกเห็ดในประเทศไทย แต่การจะเลือกใช้บริการศูนย์แนะแนวการศึกษาที่ใดเป็นเรื่องที่ต้องหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ดีเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจแนะแนวดังกล่าว

เปิดรายชื่อ 6 ศูนย์ฯประสบการณ์อื้อ

ปรีชา จิรนฤมิตร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อประเทศจีน Oriental Education Network (OREN) ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อประเทศจีนของเอกชนซึ่งได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างมากในเวลานี้ โดยตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อ 8 ปีก่อนได้ส่งนักศึกษาไทยไปเรียนเมืองจีนทั้งคอร์ส ระยะสั้นระยะยาวแล้วกว่า 5,000 คน เปิดเผยว่า ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อประเทศจีนในเมืองไทยนั้น ยังไม่เคยพบว่ามีที่ใดที่เปิดขึ้นเพื่อหลอกลวง แต่ก็ยอมรับว่าในเวลานี้มีศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อเมืองจีนเกิดขึ้นใหม่ๆ มากมาย

ฉะนั้นหากต้องการเลือกศูนย์แนะแนวในการเรียนต่อเมืองจีนและไม่ถูกหลอก จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่สำคัญคือ 1.ควรเลือกศูนย์แนะแนวที่มีขนาดใหญ่เปิดดำเนินการมาหลายปี และมีคอนเน็กชั่นกับมหาวิทยาลัยในเมืองจีนที่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมใดๆกับนักเรียน แต่ศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีคอนเน็กชั่นที่แข็งแรงจะมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ ให้มาแทน ฉะนั้นผู้ที่มาติดต่อศูนย์เหล่านี้ก็จะได้รับความช่วยเหลือในขณะที่ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆ 2.รู้จักรายละเอียดหลักสูตรและสนนราคาโดยประมาณ เพราะแต่ละที่จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

สำหรับศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อเมืองจีนรายใหญ่ๆ และได้มีประสบการณ์ในการทำงานหลายปีนั้น ก็มีประมาณ 6 แห่งได้แก่ OREN, ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อประเทศจีน WLC, ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์จีน ธนาคารกรุงเทพ, OCA สีตบุตรบำรุง (Oriental Culture Academy) 2easteducation และ บ้านจีน ซึ่งนอกจากประสบการณ์ที่ทำมาหลายปีแล้ว ศูนย์เหล่านี้จะมีสถาบันการศึกษาและ คอร์สการเรียนการสอนที่หลากหลายมากกว่า ไม่เหมือนกับศูนย์ฯที่เพิ่งเปิดใหม่ๆ คอนเน็กชั่นน้อย จะมีการให้บริการอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่นทำทัวร์ รับจองตั๋วเครื่องบิน และบริการรับส่งสินค้า

4 หลักสูตรคนไทยฮิตไปเรียน

สำหรับผู้ที่สนใจไปเรียนต่อเมืองจีน สามารถไปเรียนต่อในจีนได้ทั้งผู้ที่มีพื้นฐานภาษาจีนและไม่มีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อน โดยเลือกแต่ละหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตนเอง

หลักสูตรในการไปเรียนต่อที่จีนนั้น ปกติจะประกอบด้วย หลักสูตรระยะสั้น,หลักสูตรการเรียนภาษา,หลักสูตรการเรียนระดับปริญญา (ตรี โท เอก) และหลักสูตรระดับชั้นมัธยมศึกษา (รร.นานาชาติ)

สำหรับการเตรียมตัวสมัครและไปเรียนที่จีนนั้น ภาคเรียนที่ 1 จีนจะมีการเรียนการสอนในช่วง กันยายน-มกราคม (ควรสมัครเรียนในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน) และภาคเรียนที่ 2 จะอยู่ในช่วง มีนาคม-กรกฎาคม (ควรสมัครเรียนในช่วง เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม)

เว้นแต่หากต้องการสมัครไปเรียนที่จีนในระดับปริญญาตรี โท เอก จะต้องสมัครในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน เท่านั้นเพราะจีนจะเปิดให้เรียนเฉพาะภาคเรียนที่ 1 เช่นเดียวกับหลักสูตรมัธยมศึกษาในโรงเรียนนานาชาติ ไม่เหมือนกับหลักสูตรภาษาที่สามารถเรียนได้ทั้ง 2 เทอม

สำหรับพื้นฐานภาษาจีน นักเรียนที่จะไปเรียนต่อหลักสูตรภาษา ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อน ส่วนระดับปริญญาตรี โท เอก ผู้สมัครไปเรียนส่วนมากมีพื้นฐานภาษาจีน เว้นแต่นักศึกษาสามารถเลือกไปเรียนในหลักสูตรนานาชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการเรียนการสอนได้ด้วยเช่นกัน โดยผู้สมัครในหลักสูตรภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะมีเกณฑ์ให้ต้องมีผลสอบTOFEL ที่ 550 ขึ้นไป หรือ IELTS 5.5 ขึ้นไป ส่วนภาษาจีนนั้นจะต้องมีผลสอบ HSK ระดับ 6 ขึ้นไปขึ้นอยู่แต่กับมหาวิทยาลัยต่างๆด้วย

ส่วนระดับมัธยมในโรงเรียนนานาชาติ นักเรียนไทยจะต้องไปเรียนปรับพื้นฐานทางภาษาจีนก่อนอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป ซึ่งแล้วแต่ความสามารถและความตั้งใจของเด็กแต่ละคนด้วย แต่หากผู้ใดมีพื้นภาษาจีนดีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปเรียนปรับภาษาก่อน

สำหรับสนนราคาไปเรียนต่อในเมืองจีนเมื่อคิดรวมทั้งค่าที่พักและค่าครองชีพแบบปกติ (ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้เงินของนักเรียนด้วย) ในหลักสูตรภาษา หากเลือกไปเรียนในเมืองใหญ่ ๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา จะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาทต่อปี หากเลือกไปเมืองเล็กๆ เช่น คุนหมิง,ฮาร์บิน,ต้าเหลียน,เทียนสิน,ชิงเต่า,หังโจว,เซี่ยะเหมิน,เฉิงตู,ซีอาน ฯลฯ จะอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาทต่อปี

ในหลักสูตรปริญญาตรี โท เอก ถ้าไปเรียนในเมืองเล็กๆ จะอยู่ที่ 4 แสนบาทขึ้นไป ส่วนถ้าไปเรียนเมืองใหญ่จะอยู่ที่ราคา 5 แสนบาทขึ้นไป

ส่วนหลักสูตรนานาชาติ (มัธยมศึกษา) มีหลายระดับราคา ส่วนใหญ่ในเมืองขนาดใหญ่ จะอยู่ที่ 6 แสนบาทต่อปี ซึ่งที่มหานครเซี่ยงไฮ้จะมีราคาสูงที่สุด บางโรงเรียนมีค่าเรียนสูงถึง 1,500,000 บาทต่อปี

อย่างไรก็ดี หากผู้ใดยังไม่พร้อมหรืออยากหาประสบการณ์ด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน ก็สามารถเลือกไปเรียนในหลักสูตรระยะสั้นได้ด้วยเช่นกัน โดยปกติจะเป็นการไปเรียนภาษาจีนในหลักสูตร 10 สัปดาห์ จะมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่มีพื้นความรู้ภาษาจีนแล้ว และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ระดับหนึ่ง

ส่วนเด็กเล็กๆ อายุ 12 ปีขึ้นไป ก็สามารถเลือกไปเรียนในหลักสูตรค่ายภาษา หรือแคมป์ ซึ่งจะมีระยะเวลาไปเรียนประมาณ 1 เดือน ค่าใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นบาท

สำหรับที่ OREN ยังได้ริเริ่มเปิดคอร์สใหม่ คือการเก็บตัวผู้สอบ HSK ขึ้นมาด้วย โดยร่วมมือกับศูนย์สอบ HSKที่กวางเจา มณฑลกวางตุ้ง โดยเป็นคอร์สที่จะไปเรียนรู้เทคนิคการสอบ และทำการสอบจริงที่เมืองกวางเจา โดยจะเริ่มเรียนตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม -20 เมษายน 2552 ผู้เรียนต้องมีพื้นภาษาจีน 200 ชั่วโมงขึ้นไป และมีสนนราคาอยู่ที่ 47,950 บาท

โอกาสทางการค้า-ข้อได้เปรียบในการทำงาน

วิชัย เกียรติเรืองสุข VP และผู้จัดการฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์จีน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องการศึกษาต่อที่จีน แม้ว่าจะไม่ได้ทำกำไร แต่ธนาคารกรุงเทพก็ถือเป็นหน้าที่สำคัญ โดยจะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมใดๆ เนื่องจากเห็นว่าจีนนั้นมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในด้านตลาดที่ใหญ่ มีโอกาสทางการค้าให้กับคนไทยมากมาย

สำหรับบริการของธนาคารกรุงเทพ จะทำหน้าที่ในการแนะนำการไปเรียนต่อที่ประเทศจีน ในมหาวิทยาลัยที่มีคอนเน็กชั่นกับธนาคารซึ่งมีอยู่หลายมหาวิทยาลัยตามเมืองต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง,มหาวิทยาลัยเศรษฐกิจและการค้าสำหรับนักศึกษาต่างชาติ,วิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง, มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง เป็นต้น ซึ่งหลังจากให้ข้อมูล ก็จะช่วยในการประสานงานจนได้รับใบตอบรับเข้าเรียน และให้คำแนะนำได้ในส่วนของการโอนเงิน และสามารถให้ความช่วยเหลือได้ในเมืองจีน เนื่องจากมีสาขาอยู่ในเมืองจีนถึง 4 สาขา ได้แก่ สาขาปักกิ่ง,เซี่ยงไฮ้,เซี่ยะเหมิน,เสิ่นเจิ้น

ส่วนเรื่องจองตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า นักเรียนต้องไปดำเนินการเอง ซึ่งที่ผ่านมาผู้มาติดต่อเมื่อรับทราบข้อมูลแล้วมักจะไปติดต่อศูนย์แนะนำการศึกษาเอกชนรายอื่นๆด้วยเพื่อให้ช่วยจองตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า จองหอพัก และอำนวยความสะดวก

โดยในการเลือกศูนย์แนะแนวไม่ให้ถูกหลอก ขอให้เลือกศูนย์แนะแนวที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์ และที่ผ่านมามีผู้ติดต่อไปเรียนเมืองจีนมาแล้ว รวมถึงมีรายละเอียดการไปเรียนกับสถาบันต่างๆ ที่ชัดเจน ซึ่งสามารถเช็คได้จากเวปไซด์ของมหาวิทยาลัยจีนนั้นๆ

ทั้งนี้หากไปเรียนในหลักสูตรภาษาที่จีนไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อนก็สามารถไปเรียนได้ ที่สำคัญคือหากอยากประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ภาษาจีนจะต้องมีความกล้าพูด และพยายามนำไปใช้พูดกับบุคคลอื่นนอกมหาวิทยาลัยให้มากๆ เพราะสิ่งแวดล้อมจะช่วยทำให้สามารถพูดภาษาจีนเป็นได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้อยากแนะนำให้ไปเรียนในระดับปริญญาตรีหรือโทที่จีนด้วย โดยเฉพาะคอร์ส MBA ที่มีทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษ และหลักสูตรภาษาจีน เพราะขณะนี้กำลังได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกอย่างมาก ทั้งเหตุผลที่จีนมีเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วและเหตุผลในด้านราคาที่ยังถูก

อย่างไรก็ดี ในฐานะที่ทำงานในภาคธุรกิจ ก็เล็งเห็นว่านอกจากโอกาสทางการค้าแล้ว ผู้ที่สามารถพูดเขียนอ่านภาษาจีนได้ จะได้เปรียบในเรื่องของการทำงานด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น