xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัวนักโทษประหารชีวิตแฉ ศาลจีนงุบงิบตัดสินคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แรน เฉินลูกสาวของนายหว่อ เว่ยฮานซึ่งถูกศาลจีนตัดสินประหารชีวิตเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2008
บีบีซี นิวส์ – ครอบครัวของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งถูกศาลจีนตัดสินประหารชีวิตโวย การพิจารณาคดีไร้ความเป็นธรรม โดยผู้ถูกกล่าวหาถูกทรมานจนต้องยอมรับว่าลอบจารกรรมความลับของกองทัพจีนให้ไต้หวัน

นายหว่อ เว่ยฮานถูกพิพากษาประหารชีวิตเมื่อปีที่แล้ว โดยทางครอบครัวระบุว่า ศาลประชาชนสูงสุดของจีนได้เห็นชอบคำพิพากษาแล้ว และคาดว่าเขาจะถูกปลิดชีพในอีกไม่กี่วัน

นายหว่อ วัย 59 ปี ดำเนินธุรกิจส่วนตัว โดยเปิดบริษัทวิจัยทางการแพทย์ขึ้นในกรุงปักกิ่ง เขาถูกตำรวจจับกุมในข้อหาเป็นสายลับเมื่อต้นปี 2548 ต่อมา ศาลได้ตัดสินว่าเขามีความผิดจริง

แต่ครอบครัวของนักโทษชะตาใกล้ขาดออกมาแฉว่า กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ตั้งแต่การจับกุมไปจนถึงการตัดสินคดีมีจุดบกพร่อง โดยเวลาล่วงเลยมานานเกือบถึงหนึ่งปีทีเดียว ภายหลังถูกจับกุม นักวิทยาศาสตร์ผู้โชคร้ายจึงได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับทนายความ นอกจากนั้น ยังถูกบีบบังคับให้ยอมรับสารภาพ

“ไม่มีข้อมูลใด ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ ฉันยังไม่ทราบเลยค่ะว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับพ่อบ้าง” นางแรน เฉิน บุตรสาวเปิดเผย

“การพิจารณาคดีถูกปิดบัง ไม่ให้สาธารณชนรับรู้ เราเข้าไปฟังไม่ได้ พวกทนายเองก็พูดอะไรกับเราไม่ได้ นั่นนะ มันพอแล้วรึสำหรับการตัดสินประหารชีวิตคนคนหนึ่ง?”

และที่นางเฉินกล้าออกมาฉะแหลก ก็เพราะปัจจุบันเธอถือสัญชาติออสเตรเลีย และใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ กับสามี

ในที่สุด เมื่อใกล้วันประหารชีวิตนั่นแหละ ทางครอบครัวจึงได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมนายหว่อได้

นางเฉินกำลังคิดว่าจะพูดอะไรดีกับพ่อ เมื่อได้พบกันในวันพฤหัสฯ (27 พ.ย.) ซึ่งอาจเป็นการเห็นหน้ากันครั้งสุดท้าย

“บางทีเราอาจมีเวลาคุยกันแค่ 10 นาที ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรกับท่าน” หญิงสาววัย 31 ปี กล่าวทั้งน้ำตา

ด้านนายแซม ซาริฟี ผู้อำนวยการองค์กรนิรโทษกรรมสากลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกระบุว่า นายหว่อควรได้รับการอภัยโทษ และยุติการประหาร

“ จากข้อมูลที่เราได้รับ บ่งชี้ว่านายหว่อ เว่ยฮานไม่ได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ตามมาตรฐานสากล” นายแซมกล่าว

ข้อมูลขององค์กรนิรโทษกรรมสากลระบุว่า จีนเป็นชาติที่มีการประหารชีวิตนักโทษมากที่สุด และมิได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนถึงจำนวนผู้ถูกประหารชีวิตในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่าตัวเลขน่าจะสูงหลายพันคน
กำลังโหลดความคิดเห็น