เฟิ่งหวงหวั่ง - ถึงแม้วันนี้ เฉิน สุยเปี่ยน จะกลายเป็นผู้นำประเทศคนแรกของไต้หวันที่เปลี่ยนสภาพเป็นนักโทษ แต่ นักวิเคราะห์ในไต้หวัน ต่างยอมรับว่า เฉิน สุยเปี่ยน คือตัวอย่างนักการเมืองขนานแท้ ถีบตัวเองจากลูกชาวนา สู่ผู้นำประเทศ แถมยังมีภาพลักษณ์ต่อสู้กับเผด็จการ และยังดูแลภรรยา ซึ่งพิการจากการถูกลอบทำร้ายทางการเมืองอีกด้วย เส้นทางชีวิตของทนายบ้านนอกผู้นี้มีสีสันอย่างยิ่ง
เฉิน สุยเปี่ยน เกิดในครอบครัวที่ยากจน ในพื้นที่ชนบทของเมืองไถหนาน โดยในช่วงแรกที่ลืมตาดูโลกนั้น พ่อแม่ของเขาไม่กล้ายื่นเรื่องขอสูติบัตร เพราะไม่แน่ใจว่า จะเลี้ยงดูเด็กชายเฉินให้มีชีวิตรอดได้หรือไม่ สำหรับวันเกิดเฉิน สุยเปี่ยน แหล่งข่าวทั่วไประบุ 18 ก.พ. 1951
เฉิน สุยเปี่ยน ดิ้นรนสู้ชีวิตจนได้เรียนในโรงเรียนมัธยมชั้นนำของไถหนาน และในปี 1969 เขาก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน สถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดของเกาะแห่งนี้ได้ โดยเริ่มแรกเข้าเรียนในสาขาบริหารธุรกิจ และเปลี่ยนมาเรียนสาขากฎหมาย 5 ปีต่อมา เฉิน สุยเปี่ยน จบการศึกษาด้วยคะแนนสูงสุด เป็นทนายความที่อายุน้อยที่สุดในไต้หวัน
1975 ทนายบ้านนอกอย่างนายเฉิน ก้าวสู่บ้านทรายทอง ด้วยการแต่งงานกับอู๋ซู่เจิน บุตรสาวผู้มีตระกูล ผู้ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ สหรัฐอเมริกา
1980 เฉิน สุยเปี่ยน ก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง ด้วยการเป้นทนายความให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารของนายพลเจียงจิงกั๋ว จนได้รับเลือกให้เป็น สส.ของนครไทเป
1985 เฉิน สุยเปี่ยนถูกจำคุก 8 เดือนข้อหาหมิ่นประมาท สส.พรรคก๊กมินตั๋ง
1994-1998 เฉิน สุยเปี่ยน ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการนครไทเป ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ลบคำวิจารณ์ที่ว่า เขาอาศัยฐานเสียงคนรากหญ้าในชนบทไต่เต้าทางการเมือง
2000-2008 เฉิน สุยเปี่ยน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีไต้หวัน ด้วยคะแนนเสียงคู่คี่กับพรรคก๊กมินตั่ง โดยการเลือกตั้งในสมัยที่สองปี 2004 เขาถูกกล่าวหาว่าจัดฉากยิงตัวเอง เพื่อเรียกคะแนนสงสาร หลังจากนั้นเฉิน ก็ถูกแรงกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ จากกรณีคอร์รับชั่น จนกระทั่งมีประชาชน “เสื้อแดง” หลายแสน ภายใต้การนำของ “ซือ หมิงเต๋อ” อดีตเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขา ออกมาประท้วงขับไล่
บทสุดท้ายของ เฉิน สุยเปี่ยน กลับไม่สวยงามเหมือนช่วงต้นๆของชีวิตเขา ทั้งนี้เพราะ ตัวเขาเองที่หลงใน “อำนาจ” และ “ความโลภ” ทำให้เขาและครอบครัวต้องมีตราบาปติดตัวว่าเป็น “คนโกงชาติ”