เอเอฟพี/ เฟิ่งหวงเน็ต – ชาวบ้าน “เซินเจิ้น” นับพันลุกฮือประท้วงตำรวจ ล้อมโรงพัก เผารถ เนื่องจากไม่พอใจที่ตำรวจจราจรตั้งด่านจับมอเตอร์ไซต์ จนมีคนตาย สื่อวิเคราะห์ ประชาชนสั่งสมความไม่พอใจตำรวจเลยผสมโรงก่อความรุนแรง
สาเหตุของเหตุประท้วงครั้งนี้ เกิดขึ้นที่เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 9.20 น.นายหลี่ กั๋วเชา (อายุ 31ปี ภายหลังตรวจพบว่า ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถ) ได้ขับรถมอเตอร์ไซต์ไม่มีป้ายทะเบียนมาถึงด่านตรวจของตำรวจจราจรที่ถนนสือเอี๋ยน เขตเป่าอัน กลางเมืองเซินเจิ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกให้หยุดรถ นายหลี่ กั๋วเชากลับเร่งเครื่องหนีฝ่าด่านตรวจ ตำรวจนายหนึ่งจึงใช้วิทยุสื่อสารขว้างไปถูกศีรษะนายหลี่ ทำให้นายหลี่ เสียการควบคุมรถ พุ่งเข้าชนกับเสาไฟจราจร เป็นเหตุให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากนั้น เวลาประมาณบ่ายโมง ครอบครัวของนายหลี่ กั๋วเชา ได้รวบรวมคนประมาณ 30 กว่าคนมาล้อมสถานีตำรวจถนนสือเอี๋ยนไว้ โดยอ้างว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทำให้นายหลี่เสียชีวิต พร้อมเรียกร้องให้ส่งตัวนายตำรวจที่ขว้างวิทยุสื่อสารใส่นายหลี่ออกมา
เวลาล่วงเลยไปจนถึง 14.30 น. ปรากฏว่ามีผู้คนมาล้อมสถานีตำรวจมาขึ้น พร้อมกับทุบทำลายสิ่งของบริเวณโรงพัก จากนั้นทางครอบครัวนายหลี่ ได้นำศพของเขามาตั้งหน้าสถานีตำรวจเพื่อเป็นการประท้วงอีกด้วย
17.00 น. เหตุการณ์เข้าสู่จุดวิกฤต โดยมีผู้คนมาประท้วงหน้าโรงพักมากกว่า 400 คน รวมถึงกลุ่มจีนมุงอีกราว 2,000 คน ผู้ประท้วงได้ขว้างหินใส่สถานีตำรวจและเผารถตำรวจไป 1 คัน จนมีแนวโน้มว่าจะเกิดเป็นเหตุจลาจลขนาดย่อมๆ ร้อนถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูงต้องเดินทางมาเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น
ผลสรุปที่ได้ คือ ทางตำรวจได้สั่งคุมตัวเจ้าหน้าที่ที่ขว้างวิทยุใส่นายหลี่ พร้อมทั้งจะสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังจ่ายค่าชดเชยจำนวน 20,000 หยวนให้กับครอบครัวของนายหลี่ จึงทำให้เหตุจราจลที่กินเวลากว่าครึ่งวันยุติลงได้
เหตุครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนจีนและสื่อต่างชาติ เนื่องจากสะท้อนถึงการเผชิญหน้าระหว่างประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปรากฏเพิ่มขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจในทางมิชอบ คอร์รับชั่น และรังแกประชาชน โดยสื่อมวลชนส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่มีผู้ประท้วงเกือบพันคนรุมล้อมอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจ หลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวของนายหลี่เลย ก็เพราะว่า ประชาชนส่วนหนึ่งสั่งสมความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายๆเรื่องนั่นเอง
“ตำรวจชอบอ้างว่าทำงานเพื่อประชาชน แต่ความจริงแล้วทำงานเพื่อเงินต่างหาก” ชายแซ่หม่า ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่ในเซินเจิ้นกล่าว
อย่างไรก็ตาม ประชาชนอีกส่วนหนึ่งก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำตามหน้าที่
“มอเตอร์ไซต์เป็นต้นเหตุของสารพัดปัญหา โดยเฉพาะการฉกชิงวิ่งราว การตั้งด่านตรวจของตำรวจก็เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน” ผู้ให้ความเห็นในอินเตอร์เน็ตรายหนึ่ง กล่าว
“นายหลี่ ต้องทำผิดกฎหมายบางอย่าง ถึงไม่ยอดหยุดให้ตำรวจตรวจค้น ส่วนครอบครัวของเขาก็ทำผิดกฎหมายเช่นกันที่นำคนมาปิดล้อมสถานีตำรวจ และสร้างความวุ่นวายไปทั่วเมือง” อีกความเห็นหนึ่งในอินเตอร์เน็ตกล่าว
หนังสือพิมพ์ ซินจิงเป้า ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเหตุครั้งนี้ โดยมีใจความว่า ไม่ว่าเรื่องครั้งนี้จะเกิดขึ้นจากสาเหตุใดก็ตาม แต่การล้อมโรงพัก เผารถตำรวจ และใช้ความรุนแรงต้องถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม หากเปรียบความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้เหมือนกับน้ำป่า ถ้าคิดแต่จะหยุดน้ำป่าก็คงไม่ได้ ต้องหาสาเหตุของน้ำป่าด้วย หรือพูดง่ายๆก็คือ การจะยุติความรุนแรงได้ ต้องหาสาเหตุของความรุนแรงด้วย
บทความในซินจิงเป้า ยังอ้างว่า นานมาแล้วที่ตำรวจถูกครหาว่า “ที่ควรดูแลไม่ดูแล ไปดูแลเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ที่ควรจะอยู่ไม่อยู่ ไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่” เหตุครั้งนี้มีผู้ไม่เกี่ยวข้องจำนวนมากมาร่วมผสมโรงด้วย ทำให้น่าคิดว่า พฤติกรรมที่ผ่านมาของตำรวจจราจรนั้นอาจไม่ได้อาศัยความอะลุ่มอล่วมกับประชาชนมากพอ
“เหตุการณ์รุนแรงได้ยุติลงแล้ว แต่การยุติการเผชิญหน้ากันในสังคมนั้น นอกจากจะใช้กฎหมายแล้ว ยังต้องเข้าถึงใจประชาชน ใช้วิธีการที่หลากหลาย และผ่อนปรนให้เหมาะสมกับพัฒนาการของสังคม เข้าใจประชาชน และทำให้พวกเขาอยู่ได้อย่างสบายใจมากขึ้น” หนังสือพิมพ์ซินจิงเป้า สรุปทิ้งท้ายในบทความ