เอเยนซี – สำนักข่าวซินหัวระบุ ทางการจีนสั่งปิดโรงงานในมณฑลเหลียวหนิงที่ผลิตอาหารไก่ปนเปื้อนสารเมลามีนแล้ว หลังจากตรวจพบว่าในกระบวนการผลิตมีการเติมสารเคมีในอาหารสัตว์ ก่อนที่จะส่งขายต่อให้กับบริษัทผู้ผลิตไข่รายใหญ่ในต้าเหลียน
รายงานของสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันพฤหัสฯ( 6 พ.ย.) ระบุว่า โรงงานหมิงซิ่ง ฟีด โปรเซสซิ่ง ที่อยู่ในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ได้เติมสารเมลามีนลงไปในส่วนผสมของอาหารสัตว์ที่ใช้เลี้ยงไก่ และได้นำสินค้าดังกล่าวขายต่อให้กับบริษัทหันเหว่ย กรุ๊ปซึ่งเป็นผู้ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ในเมืองต้าเหลียน ที่ก่อนหน้านี้สำนักงานควบคุมความปลอดภัยอาหารในฮ่องกงรายงานว่าพบสารเมลามีนปริมาณมากในไข่ไก่ที่นำเข้าจากจีน
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเสิ่นหยางได้จับกุมเจ้าของโรงงานหมิงซิ่ง พร้อมทั้งทำลายอาหารสัตว์ที่อยู่ในคลังสินค้าทั้งหมดและสั่งปิดโรงงานแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าโรงงานแห่งนี้ได้ส่งออกอาหารสัตว์ที่ปนเปื้อนสารเมลามีนนี้ไปยังต่างประเทศหรือไม่ สำหรับตัวเลขของเด็กเล็กที่ป่วยเป็นนิ่วในไตเพราะดื่มนมที่ปนเปื้อนเมลามีน โดยอ้างจากรายงานของทางการจีนพบว่ามีอย่างน้อย 53,000 คน เสียชีวิตแล้ว 4 คน
ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสฯ (6 พ.ย.) สำนักงานควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และกักกันโรคของจีน (AQSIQ)ได้เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมและอาหารที่นำเข้าจากออสเตรเลีย และเกาหลีใต้จำนวน 191 รายการในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา พบว่านมผงจำนวน 9 ตันที่ผลิตโดยบริษัท ทาทุรา อินดัสทรี(Tatura Industries) ของออสเตรเลียไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากพบว่ามีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคเช่น เชื้อจุลินทรีย์ E. sakazaki
ด้านผู้จัดการบริษัททาทุราให้การปฏิเสธว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทางการจีนกล่าวอ้างนั้น ได้รับการตรวจสอบคุณภาพและได้รับการยืนยันจากทางการออสเตรเลียก่อนที่จะถูกตรวจสอบและอายัติโดยกรมศุลกากรในจีน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจีนยังได้สั่งอายัติเนยแข็งจำนวน 1970 กิโลกรัมที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา และขนมปังกรอบจากอังกฤษด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมเจ้าหน้าที่จีนถึงรายงานผลิตภัณฑ์นำเข้าที่มีปัญหา ล่าช้าถึง 3 เดือนหลังการตรวจสอบ หรือว่าการเปิดเผยดังกล่าวจะเป็นการตอบโต้เพื่อดึงภาพลักษณ์ระบบความปลอดภัยด้านอาหารของตนเอง ท่ามกลางกรณีอื้อฉาวในอาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ