เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล – พญามังกรรุกคืบสร้างฐานทรัพยากรแข็งแกร่งในต่างแดน ล่าสุด คว้าสัญญาเข้าซื้อและควบรวมกิจการบริษัท ซึ่งทำให้เจาะช่องเข้าถึงแหล่งน้ำมันในซีเรีย และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติบนแดนจิงโจ้
ในวันพฤหัสฯ (25 ก.ย.)บริษัทไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล หรือที่รู้จักกันว่า ซิโนเปก วิสาหกิจรัฐของจีนชนะการประมูลซื้อบริษัททันกันยิก้า ออยล์ (Tanganyika Oil Co.) บริษัทแคนาดาซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นโตรอนโต้ ด้วยเงินจำนวน 2,000 ล้านดอลลาร์
การทำธุรกรรมครั้งนี้ส่งผลให้จีนมีสายสัมพันธ์กับแหล่งน้ำมันในตะวันออกกลางแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยข้อเสนอซื้อได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารของทั้งสองฝ่าย แต่ยังต้องรอการอนุมัติจากฝ่ายกำกับดูแลของทางการ
ขณะเดียวกัน ด้านบริษัทเจียงซู ซากั่ง กรุ๊ป (Jiangsu Shagang Group Co. ) ผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนยังทำสัญญาควบรวมกิจการของออสเตรเลียน บัล์ก มิเนอรัลส์ (Australian Bulk Minerals) ซึ่งเป็นกิจการในออสเตรเลียของกลุ่มธุรกิจของเจียงซู ซากั่ง กับบริษัทแกรนจ์ รีซอร์สส์Grange Resources Ltd.) ทำให้ได้ถือหุ้นในบริษัทที่ควบรวมนี้ถึงร้อยละ 45 ซึ่งมีมูลค่าถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (833.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
จีนเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการบริษัทต่างชาติก็เพราะเล็งผลเลิศ นั่นคือสร้างฐานทรัพยากรธรรมชาติที่มั่นคงสำหรับป้อนเศรษฐกิจที่โตวันโตคืนของตน โดยในปีนี้ บริษัทของจีนบรรลุการทำสัญญาหลายฉบับรวมมูลค่าทั้งสิ้น 26,300 ล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมภาคน้ำมัน,ก๊าซธรรมชาติ และเหมืองแร่ จากข้อมูลของบริษัทให้บริการด้านข้อมูลเดียโลจิก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้ว่า สัญญาด้านแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ มีอัตราส่วนถึงร้อยละ58 ของมูลการซื้อและควบรวมกิจการในต่างแดนของจีนทั้งหมดในปีนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีของทันกันยิก้า ออยล์นั้น ผลิตน้ำมันจากซีเรีย ซึ่งถูกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเป็นชาติผู้สนับสนุนลัทธิก่อการร้าย
นอกจากนั้น ซีเรียยังเป็นชาติที่มีบทบาทน้อยในด้านการผลิตน้ำมัน โดยบ่อน้ำมันหลายแห่งมีปริมาณการผลิตลดลง และปริมาณการผลิตในปีที่แล้วได้เพียงร้อยละ1.6 ของปริมาณการผลิตในตะวันออกกลางทั้งหมด
ขณะที่ทันกันยิก้า ออยล์ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ ผลิตน้ำมันได้เฉลี่ยทั้งสิ้นวันละ 16,700 บาร์เรล
ทั้งนี้ บริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีนชอบแสวงหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในหลายแห่ง ที่บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ และยุโรปรีรอเข้าไปลงทุน โดยขณะนี้ ซิโนเปกกำลังเข้าไปพัฒนาแหล่งน้ำมันอิหร่าน และปิโตรไชน่า กำลังเข้าไปสำรวจแหล่งทรัพยากรในซูดาน
จีนตัดสินใจเล็งเป้าหมายทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงทางการเมือง ภายหลังจากบริษัทไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ หรือ Cnooc พลาดท่าครั้งใหญ่เมื่อปี 2548ในการประมูลซื้อบริษัทยูโนแคล มูลค่า 18,500 ล้านดอลลาร์
จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว จีนประสบความสำเร็จในการรุกคืบเจาะแหล่งน้ำมัน เมื่อไชน่า ออยล์ฟิลด์ เซอร์วิสส์ (China Oilfield Services Ltd.) ซึ่งเป็นหน่วยหนึ่งของ Cnooc สามารถเข้าควบรวมกิจการของอาวิลโก้ ออฟฟ์ชอร์ เอเอสเอ (Awilco Offshore ASA) ผู้ให้บริการแหล่งน้ำมันของนอร์เวย์ได้สำเร็จ
พญามังกรยังมุ่งตะครุบเหมืองแร่ในแดนจิงโจ้ โดยความต้องการเหล็กกล้าอย่างมากมายในจีนผลักดันให้ราคาสินแร่เหล็กพุ่งทะยาน และผลักดันให้ผู้ผลิตเหล็กกล้าอย่างเจียงซู ซากั่ง ต้องเพิ่มการลงทุนในออสเตรเลีย
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทซิโนสตีล (Sinosteel Corp.) ยังประสบความสำเร็จในการประมูลซื้อบริษัทมิดเวสต์ (Midwest Corp.) ผู้ผลิตเหมืองแร่ออสเตรเลียอีกด้วย โดยเพิ่งบรรลุข้อตกลงกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้เอง