วิกฤตนมจีนบานปลายดึงบริษัทติดร่างแห่เพิ่ม มรสุมนมนรกพัดบิ๊กคุมคุณภาพสินค้าตกเก้าอี้

เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล/เอเอฟพี – จีนสกัดวิกฤตนมเปื้อนเมลามีนไม่อยู่ ความหวาดผวาลุกลามไปทั่วโลก ขณะที่ยอดเด็กป่วยพุ่ง องค์การอนามัยโลก สวดยับระบบความปลอดภัยด้านอาหารแดนมังกร ล่าสุด บอสใหญ่สำนักงานควบคุมคุณภาพสินค้าตัดสินใจลงจากตำแหน่งแล้ว

รายงานของกระทรวงสาธารณสุขจีน เมื่อวันอาทิตย์ （21 ก.ย.2551）ระบุยอดเด็กจีนที่ยังรักษาในโรงพยาบาล หลังจากดื่มนมปนเปื้อน พุ่งถึง 12，892 ราย ในจำนวนนี้ 104 ราย อาการหนัก ขณะที่เด็กอีก 1，579 รายได้รับการรักษา และกลับบ้านได้แล้ว

ส่วนเด็กที่มีอาการไม่รุนแรง และได้รับการรักษา โดยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลมีจำนวน 39,965 ราย โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน รัฐบาลจีนระบุยอดเด็กป่วยมีเพียง 6,244 ราย

สำหรับยอดเด็กเสียชีวิตมีทั้งหมด 3 คน แม้ สำนักข่าวของทางการจีน เคยระบุก่อนหน้านี้ ว่า 4 คนก็ตาม

หลังจากกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยตัวเลขผู้ป่วยล่าสุด ก็มีข่าวว่า หลี่ ฉางเจียง บิ๊กใหญ่คุมสำนักงานควบคุมคุณภาพสินค้าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวันจันทร์ (22 ก.ย.) ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องนมเจือสารพิษเมลามีนสะพัดทั่ว โดยหลี่ได้ยื่นเรื่องขอลาออกต่อคณะมุขมนตรี และได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย

วิกฤตการณ์บนแดนมังกรยังโยงใยไปถึงบริษัทใหญ่รายใหม่ โดยศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหารของฮ่องกงแจ้งเมื่อวันอาทิตย์ว่า จากการตรวจสอบ พบการปนเปื้อนของสารเมลามีนระดับต่ำในผลิตภัณฑ์นมของเนสท์เล่ แดรี่ ฟาร์ม เพียว มิลก์ ซึ่งการบริโภคตามปกติจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ แต่เด็กเล็กไม่ควรดื่ม

โฆษกของเนสท์เล่ในสวิตเซอร์แลนด์ ชี้แจงว่า สารปนเปื้อนที่พบนั้นไม่ได้เกิดจากการเติมสารเจือปน แต่มีอยู่ในสายโซ่อาหารตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงแต่อย่างใด และผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบนั้น เนสท์เล่ผลิตขึ้นมาสำหรับผู้ใหญ่

เมื่อวันศุกร์ （19 ก.ย.） รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศให้ผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่มีความปลอดภัย ภายหลังตรวจสอบแล้ว และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต，โรงเรียน และร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ธุรกิจค้ากาแฟชั้นนำของสหรัฐฯ ซึ่งเปิดขายทั่วจีน ในฮ่องกง และ สิงค์โปร์ พากันโละนมลงจากหิ้ง โดยไม่รอรัฐบาลจีนประกาศเรียกเก็บผลิตภัณฑ์นมท้องถิ่นทั้งหมดให้เสียเวลา

ขณะที่ครอบครัวชาวจีนพากันหันไปซื้อผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของทางการจีนเมื่อสัปดาห์ก่อน พบสารเมลามีนในตัวอย่างนมเกือบร้อยละ 10 จากบริษัท อีลี่ อินดัสเทรียล กรุ๊ป และ เหมิ่งหนิว แดรี่ ซึ่งทั้งสองอยู่ในกลุ่มบริษัทผู้ผลิต 22 ราย ที่พบผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กปนเปื้อนเมลามีน และพบในตัวอย่างนมเกือบร้อยละ 6 จากบริษัท ไบร์ต แดรี่

วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นานาชาติต้องหันมาสนใจปัญหาความปลอดภัยด้านสินค้า ที่ผลิตจากจีนอีกครั้ง โดย นายชิเงรุ โอมิ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตก แถลงที่กรุงมะนิลาว่า การประสานงานระหว่างหน่วยงาน ซึ่งรับผิดชอบความปลอดภัยด้านอาหารของจีน ยังมีช่องว่างให้ปรับปรุงอีกมาก

“เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นชี้ให้เห็นความอ่อนแอในระบบควบคุมอาหารของจีน” เขาระบุ

ด้าน นายกรัฐมนตรี เหวิน เจียเป่า ยอมรับระหว่างการไปเยี่ยมร้านซูเปอร์มาร์เก็ต และทารกที่ป่วยในโรงพยาบาลปักกิ่งว่า

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าการควบคุมตรวจสอบของรัฐบาลยังทำไม่เพียงพอ นอกจากนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงการไร้ศีลธรรมในการประกอบอาชีพและขาดความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทจำนวนหนึ่ง”

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการฮ่องกงยังพบเด็กหญิง อายุ 3 ขวบ เป็นนิ่วที่ไต หลังจากดื่มนมของบริษัท อีลี่ นับเป็นผู้ป่วยรายแรกที่พบในฮ่องกง ทาง อีลี่ จะจ่ายเงินชดเชยให้ หากพบว่าปัญหาเกิดจากตน โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ทางการฮ่องกงพบผลิตภัณฑ์ของบริษัทรายนี้ 8 ตัวอย่างจากทั้งหมด 30 ตัวอย่าง ปนเปื้อนเมลามีน ซึ่งรวมทั้งโยเกิร์ต

ส่วนสิงค์โปร์ ซึ่งเพิ่งระงับการนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมทั้งหมดจากแดนมังกร ระบุเมื่อวันอาทิตย์ ว่า ได้ตรวจพบสารเมลามีนในขนมลูกกวาดยอดนิยมจากจีน ชื่อยี่ห้อว่า“ไวต์ แรบบิต ครีมมี่ แคนดี้” （White Rabbit Creamy Candy）

ขณะที่ บริษัท มารูได ฟู้ด ของญี่ปุ่น กล่าวว่า กำลังเรียกเก็บผลิตภัณฑ์ 5 รายการ ซึ่งผลิตโดยบริษัทหุ้นส่วนชาวจีน เพราะมีส่วนผสมของนมจากบริษัทจีนรายหนึ่ง ซึ่งผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนเมลามีน

โรคหวาดผวาแพร่ระบาดไปไกลถึงฟากกาฬทวีป ประเทศกาบ็องประกาศห้ามจำหน่ายนมผง ซึ่งนำเข้าจากจีน

ข่าวฉาวโฉ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของวิกฤตการณ์ ที่กำลังลุกลามยิ่งกว่าไฟลามทุ่งนี้ ก็คือ ทารกในมณฑลเสฉวน ที่รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวเมื่อเดือนพฤษภาคม พลอยตกเป็นเหยื่อไปด้วย เนื่องจากบริษัท ซานลู่ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนเมลามีน ได้บริจาคนมให้แก่ครอบครัวผู้ประสบภัย กระทั่งผู้ประสบภัยต้องนำลูกหลานมาตรวจหานิ่วในไตที่โรงพยาบาลกลางในเมืองเหมี่ยนหยางกันแน่นขนัด

ขณะเดียวกัน พ่อแม่จำนวนมากมายทั่วประเทศก็กำลังเตรียมให้ทนายความยื่นฟ้องร้องรัฐบาล

จนถึงขณะนี้ ทางการจีนได้ตรวจสอบนมยี่ห้อต่างๆ ในตลาดไปได้มากถึงร้อยละ 70 แล้ว โดยประกาศให้ผลิตภันฑ์ของเนสท์เล่ และ ซันหยวน กรุ๊ป ซึ่งมีสำนักงานในกรุงปักกิ่งมีความปลอดภัย

การบริโภคนมในจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่ง เนื่องมาจากการทุ่มการตลาดและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น นมสด，โยเกิร์ต และไอศกรีม จนกลายเป็นอาหารหลักอย่างหนึ่งของชาวจีน โดยองค์การความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD ระบุว่า การบริโภคนมในจีนเริ่มกระเตื้องขึ้นมาตั้งแต่ปี 2543 และโตเป็นตัวเลข 2 หลักในแต่ละปีนับจากนั้น