ส่งออกไต้หวันทรุดเหตุอุปสงค์จากทั่วโลกชะลอตัว

เอเชี่ยน วอลสตรีท เจอร์นัล - ยอดสั่งซื้อสินค้าจากต่างชาติของไต้หวันเดือนกรกฎาคมชะลอตัวสุดในรอบ 5 ปี เหตุความต้องการสินค้าเทคโนโลยี อาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรกลลดน้อยลง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

นักเศรษฐศาสตร์เผย ไม่เพียงแต่ประเทศสหรัฐฯ เท่านั้นที่มีความต้องการสินค้าไต้หวันลดลง แต่จีนเองก็เช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะจีนเริ่มหันไปหาตลาดส่งออกอื่นๆ แทน ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของไต้หวัน

กระทรวงกิจการเศรษฐกิจของไต้หวันรายงาน ปริมาณการสั่งซื้อสินค้าจากต่างชาติในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นเพิ่มขึ้น 5.52% จากปีที่แล้ว คิดมูลค่าเป็น 31,360 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งชะลอตัวจากอัตราขยายตัว 9.27% ในเดือนมิถุนายน และนับเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2003 ซึ่งขณะนั้นอัตราการสั่งซื้อสินค้าจากต่างชาติขยายตัวอยู่ที่ 4.32%

“ยอดสั่งซื้อสินค้าจากต่างชาติในเดือนกรกฎาคมจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 อย่างแน่นอน เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจไต้หวันยังคงพึ่งพาการส่งออก อีกทั้งความต้องการภายในไต้หวันเองก็จะยังไม่ฟื้นตัวในเร็ววันนี้” หม่า เถี่ยอิง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารดีบีเอสในไต้หวันกล่าว

ยอดสั่งซื้อสินค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่สุดของไต้หวัน เดือนที่แล้วขยายตัว 1.73% คิดเป็นมูลค่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ชะลอตัวจากยอดขยายตัว 17.66% มูลค่า 8,700 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนมิถุนายน ขณะที่ยอดออเดอร์จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.21% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 7,110 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ชะลอตัวกว่ายอดในเดือนมิถุนายนที่ 3.86% ส่วนยอดสั่งซื้อจากยุโรปก็ลดลง 15.47% คิดเป็น 5,580 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากจากยอดส่งออกจะชะลอตัวแล้ว ยอดการผลิตอุตสาหกรรมในเดือนเดียวกันยังขยายตัวเพียง 1.1% จากปีที่แล้วเท่านั้น ขณะที่ยอดผลิตในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ราว 5.1% นับเป็นการขยายตัวที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2007 เป็นต้นมา