ผู้จัดการออนไลน์- ในช่วงเวลาแห่งเลี้ยวโค้งสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่โอลิมปิกปักกิ่งกีฬาแห่งมวลมนุษชาติ....ความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นภายในประเทศจีน แม้หลายอย่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นแล้วชื่นใจ แต่หลายอย่างก็รู้สึกว่ายังไปไม่ถึงเป้า
หลังจากคณะผู้สื่อข่าวเดินทางถึงกรุงปักกิ่งในช่วงเย็นวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ สนามบินปักกิ่ง เราเริ่มสัมผัสได้ถึงความพยายามของจีนที่ต้องการทำหน้าที่เจ้าบ้านให้ดีที่สุด จากการที่จีนจัดกลุ่มนักศึกษาอาสาสมัครจำนวนมาก คอยประจำอยู่ที่จุดบริการข้อมูลข่าวสาร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาเยือนทั้งจีน-เทศ สิ่งที่น่าชมเชยคือ รอยยิ้มและความ "พยายาม" ที่อยากจะช่วยให้ข้อมูล
แต่ที่สำคัญและควรปรับปรุงอย่างที่สุดของอาสาสมัครจำนวนมหาศาลนี้ ก็คือ การใช้ภาษาอังกฤษที่กระท่อนกระแท่น หรืออาจถึงขั้นใช้การไม่ได้เลยทีเดียว สัดส่วนคนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้จริงๆ มีแค่ประมาณ 10% เห็นจะได้ แม้ว่าหลายคนจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และเคยได้ยินว่าจีนมีการจัดอบรมภาษาอังกฤษ เพื่อให้ชาวจีนสามารถช่วยเหลือให้ข้อมูลชาวต่างชาติได้บ้างก็ตาม เข้าใจว่าหลายคนอาจเกิดอาการประหม่า และปกติคงไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษเท่าใดนัก แต่อย่างไรเสียภาษาอังกฤษก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญมิใช่น้อยต่อการอำนวยความสะดวก และข้อมูลข่าวสารให้แก่ชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษาจีน และงานนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นมืออาชีพ นอกจากภาษาอังกฤษไม่ได้แล้ว หลายคนยังข้อมูลไม่ปึ้กอีก
ถึงจะไม่ค่อยประทับใจเกี่ยวกับเรื่องอาสาสมัครที่เน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพนัก แต่ความพยายามถัดมาที่เห็นแล้วรู้สึกชื่นชมก็คือ แท็กซี่ โดยเฉพาะแท็กซี่สนามบิน รถแท็กซี่ที่เข้ามารับผู้โดยสารนั้นนับว่าสะอาดสะอ้าน แตกต่างจากภาพที่เคยเห็น ที่คนขับแท็กซี่สูบบุหรี่รมผู้โดยสารในรถ บางทีก็มีทั้งกลิ่นตัวกลิ่นอาหารผสมปนเปกันไป เรื่องมารยาทของคนขับแท็กซี่ก็นับว่าดีขึ้นมาก คนขับรถที่เราเจอก็มีมนุษยสัมพันธ์ดี รถแท็กซี่ทุกคันมีการติดมิเตอร์ราคาไว้ชัดเจน เริ่มต้น 3 กิโลเมตรแรกที่ 10 หยวน (ราว 50 บาท) หลังจากนั้นเพิ่มกิโลเมตรละ 2 หยวน ขาลงมีใบเสร็จให้ด้วย แถมคนขับยังลงมาช่วยยกของลงจากรถอีกต่างหาก
อีกอย่างที่อยากชื่นชมจีนก็คือ การปลูกฝังพฤติกรรมการต่อแถวต่อคิว ด้วยการกำหนดให้วันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันเข้าคิวแห่งชาติ และมีการรณรงค์ตามสื่อ โฆษณาต่างๆ มากมาย ชาวปักกิ่งวันนี้รู้จักเข้าแถวเข้าคิวกันมากขึ้น ภายใต้สังคมแห่งการแข่งขันดุเดือด เพราะปักกิ่งมีประชากรมากถึง 17 ล้านคน ดังจะเห็นได้จากบรรดาคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงรุ่นอาม่าอากงที่รู้จักยืนเข้าแถวอยู่หน้าธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ (ไอซีบีซี) เพื่อรอธนาคารเปิด เมื่อเข้าไปก็มีการรับบัตรคิวเพื่อรอเรียก หรือ การต่อคิวเพื่อเข้าห้องน้ำสาธารณะก็ตาม ซึ่งนับว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าชื่นชม
แม้แต่พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ อย่างเช่น การถ่มน้ำลายเรี่ยราดบนท้องถนน จีนก็พยายามรณรงค์จนปัจจุบันแม้ยังมีอยู่ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าเมื่อ 5-6 ปีก่อน ที่รับรองถนนทุกสายต้องได้เห็นตั้งแต่เด็กเล็กยันหัวหงอกขากถุยกันเป็นว่าเล่น
อย่างไรก็ตาม ต้องขอบอกว่านี่เป็นเพียงพฤติกรรมส่วนหนึ่งที่พัฒนาไปในทางที่ดีเท่านั้น ยังมีพฤติกรรมปลีกย่อยหลายอย่างที่ฝังลึกแงะยากของคนจีน อย่างเช่น ถึงแม้ว่าจะมีการลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนลงในช่วงนี้ก็ตาม แต่อันตรายหาได้ลดตามไม่ นอกจากรถยนต์ไม่เคารพกฎจราจร เช่น ฝ่าไฟแดงแล้ว ยังเจอรถขับเลนมั่วอีก หากไม่รู้จักหลบหลีกดีๆ ชีวิตก็อาจจะหารอดไม่
หวังว่าหลังจบการแข่งขันโอลิมปิกปักกิ่งแล้ว ผู้นำจีนจะเดินหน้าปรับปรุงพฤติกรรมที่ยังไม่พึงประสงค์ให้ดีขึ้น รวมทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ใช่เพื่อเป็นการโปรโมทด้านสวยหรูของประเทศเท่านั้น แต่เป็นไปเพื่อการพัฒนาคุณภาพและชีวิตที่ดีของประชาชนจีนเองด้วย
นอกจากความพยายามพลิกโฉมบ้านเมืองดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เราไม่ลืมที่จะค้นหาคำตอบเกี่ยวกับสภาพอากาศกรุงปักกิ่งที่คั่งค้างคาใจมาตั้งแต่ก่อนออกเดินทางมาว่าเป็นอย่างที่สื่อต่างชาติต่างประโคมข่าวเล่นงานเสียจีนแทบเสียสูญ อีกทั้งปรามาสว่าเจ้าภาพอาจไปไม่ถึงเป้าจริงหรือไม่ หลายฝ่ายกังวลว่าหมอกพิษจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของนักกีฬา จนพาเอาหลายประเทศระส่ำคิดถอนตัวออกจากการแข่งขันเสียให้รู้แล้วรู้รอด
โดยเฉพาะเจ้าเหรียญทองหลายสมัยอย่างสหรัฐฯ ก็ออกโรงปกป้องนักกีฬาในสังกัด โดยคณะกรรมการโอลิมปิกสหรัฐฯ ได้แจกจ่ายผ้าคาดปากเทคโนโลยีการผลิตสูงให้แก่นักกีฬาของประเทศ และมีข่าวว่ายาร์รอด ชูเมคเกอร์ นักกีฬาไตรกรีฑาของสหรัฐฯ ตั้งใจจะสวมผ้าคาดปากเดินเข้าสู่พิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปักกิ่งกันเลยทีเดียว การที่ปรากฎนักกีฬาชาติใดชาติหนึ่ง เดินเข้าสู่พิธีเปิดโอลิมปิกพร้อมผ้าคาดปาก คงนำความอับอายมาสู่ประเทศจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีหู จิ่นเทาไม่ใช่น้อย
และสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาของเราก็คือ ภายใต้อากาศขมุกขมัว ครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดทั้งวันของจีน มีหมอกมลพิษปกคลุมค่อนข้างหนา ชนิดที่มองตึกสูงที่อยู่ไกลออกไปหน่อยไม่ค่อยเห็นเลยทีเดียว แถมยังร้อนอบอ้าวมาก กระทั่งล่วงมาถึงวันที่ 6 สิงหาคมแล้วอากาศก็ยังไม่ดีขึ้น จนล่าสุดนายพาน หยวนเซิง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมมลภาวะของจีนได้ออกมาแถลงข่าวว่า หากในช่วงโอลิมปิกอากาศยังย่ำแแย่ ก็จะใช้มาตรการเร่งด่วนสั่งให้ปักกิ่งหยุดรถวิ่งอีก 200,000 คัน ส่วนเมืองเทียนจินและมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กับปักกิ่ง ก็จะต้องสกัดรถ 1.6 ล้านคันออกจากถนนด้วย
หมอกมลพิษกลายเป็นความท้าทายสำคัญของเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้จีนก็พยายามงัดมาตรการต่างๆ เพื่อลดมลพิษและความแออัดบนท้องถนนมากมาย อาทิ มาตรการให้รถทะเบียนคู่และคี่วิ่งสลับวันกัน การปิดโรงงานปล่อยควันพิษหลายต่อหลายแห่ง รวมไปถึงความโชคดีที่ได้ฟ้าฝนเป็นใจ ช่วยตกมาชะล้างมลพิษ แต่ไม่กี่วันอากาศก็กลับมาแย่อีก อย่างไรก็ตามมีพยากรณ์อากาศว่าในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น ปักกิ่งจะมีเมฆมากและอาจมีฝนตกฟ้าคะนองด้วย