xs
xsm
sm
md
lg

ธ.กลางมังกรน้อยขึ้นดอกเบี้ย หวังสกัดการเติบโตของเงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล – ธนาคารกลางไต้หวันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สิบหก และเพิ่มสัดส่วนสำรองเงินฝาก อันเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงอันตรายจากเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานไม่หยุดยั้ง

แถลงการณ์ของธนาคารกลางแดนมังกรน้อยระบุเมื่อวันพฤหัสฯ (26 มิ.ย) ว่า
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.125 เป็นมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลาง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ (27มิ.ย) โดยธนาคารกลางจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (real interest rate) ของไต้หวันขณะนี้ ติดลบ|

การปรับขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ดอกเบี้ยประเภทดิสเคานต์เรต ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางคิดกับธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นเป็นร้อยละ 3.625 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ไม่มีหลักประกันปรับขึ้นเป็นร้อยละ 5.875 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีหลักประกันปรับขึ้นเป็นร้อยละ 4

ธนาคารกลางชาติต่าง ๆ กำลังถูกกดดันมากขึ้นทุกที ให้ดำเนินการควบคุมปริมาณเงิน หลังจากราคาอาหาร,สินค้าโภคภัณฑ์ และน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งทะยาน ซึ่งหนุนให้เงินเฟ้อในโลกปรับสูงตาม โดยในสัปดาห์นี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับเดิมเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อด้อยคุณภาพเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว อันสะท้อนถึงความวิตกของเฟด ที่มีเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอันตรายจากเงินเฟ้อ

นายเผิง หวายหนัน ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันแถลง ภายหลังการประชุมประจำไตรมาสว่า ธนาคารกลางได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น เข้าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศประจำทุกวัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของสภาพคล่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้า

นอกจากนั้น ธนาคารกลางไต้หวันยังระบุว่า จะเพิ่มสัดส่วนสำรองเงินฝากสำหรับเงินฝากประเภทสมุดคู่ฝากสกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันอีกร้อยละ 1.25 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และเงินฝากประจำอีกร้อยละ0.75 อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดการตั้งเป้าการเติบโตของปริมาณเงินเอ็ม 2 ในปีนี้ เป็นร้อยละ2-ร้อยละ6 จากร้อยละ3-ร้อยละ7 ในปีก่อน ทั้งนี้ เนื่องมาจากเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น และปริมาณความต้องการเงินทุนลดลง อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าราคาสินค้าจะปรับขึ้น

จนถึงปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันปรับขึ้นประมาณร้อยละ6.7ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ธนาคารกลางไต้หวันคาดการณ์ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคในปีนี้จะโตถึงร้อยละ 3.25 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของสำนักงานสถิติ ซึ่งระบุว่าจะโตถึงร้อยละ 3.29 อันนับเป็นการปรับขึ้นสูงสุด นับตั้งแต่ปี2538 ซึ่งดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคโตถึงร้อยละ 3.6

อัตราเงินเฟ้อของไต้หวันพุ่งขึ้นร้อยละ 3.23 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งแตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่เคยแตะระดับสูงสุดที่ร้อยละ 3.28 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2542 ซึ่งบ่งชี้ว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในโลกส่งผลให้ค่าครองชีพบนเกาะไต้หวันแพงขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น