เอเยนซี – เมืองจิ้นเจียง มณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรองเท้าของจีนกำลังประสบปัญหาต่างๆอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตั้งแต่ปัญหาเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ค่าแรงแพงขึ้น ถูกลดอัตราการหักคืนภาษีส่งออก ธนาคารปล่อยกู้น้อยลง จนทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจภายนอกที่ชะลอตัว ได้ทำให้ยอดขายหรือลูกค้าประจำลดลง จนเกิดเป็นวิกฤตอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และมีผู้ปิดกิจการไปแล้วจำนวนมาก
จีนเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกรองเท้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ตามสถิติขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมสหประชาชาติ (UNIDO) ได้ระบุว่า ประเทศจีนได้ผลิตรองเท้าคิดเป็น 63% ของทั้งโลก จนแทบจะบอกได้ว่า การที่จะหลีกเลี่ยงไม่ใส่รองเท้าที่ผลิตจากจีนนั้น กลายเป็นเรื่องยาก ทว่านับตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา จีนกำลังประสบกับปัญหาตลาดรองเท้าในต่างประเทศลดลง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหา ได้ทำให้ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถแบกรับไหวในปี 2007 ต้องหยุดกิจการหรือปิดตัวไป กระทั่งช่วงตรุษจีนในปี 2008 ยิ่งกลายเป็นช่วงเวลาที่โรงงานผลิตรองเท้าหลายแห่งไม่สามารถอยู่ต่อไปได้
นับจากปีที่แล้ว ยอดการส่งออกรองเท้าหนังของจีนเพิ่งตกลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี โดยมีการส่งออก 130 ล้านคู่ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา 6% จากนั้นในไตรมาสแรกของปีนี้ การส่งออกรองเท้าทั่วประเทศของจีนลดลง 5.3%
ในเมืองจิ้นเจียง มณฑลฮกเกี้ยน (ฝูเจี้ยน) ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งรองเท้านั้น มีโรงงานรองเท้าเฉิงอัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ใหญ่แบรนด์หนึ่งในต่างประเทศ โดยรองเท้าที่ผลิตจากที่นี่จะถูกส่งไปขายในหลายประเทศในยุโรป สี่ว์ เจิ้นคุนเจ้าของโรงงานได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้รับแจ้งว่าบริษัทอิตาลีที่ทำการค้าร่วมกันมานานนับสิบปี ตัดสินใจที่จะไม่สั่งผลิตกับร้านเค้าอีกต่อไป ซึ่งเท่ากับว่าภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เขาได้สูญเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างต่อเนื่องไปเป็นรายที่ 4 แล้ว โดยลูกค้าเก่าแก่ทั้งหลายกำลังหันเหไปจ้างโรงงานในประเทศอื่นให้ผลิตรองเท้าแทนให้
ในสมัยที่กิจการรองเท้าในจิ้นเจียงเพิ่งเริ่มต้นขึ้น สี่ว์ เจิ้นคุนก็ได้กระโดดเข้ามาในกิจการดังกล่าวแล้ว ทว่าเมื่อถามถึงสภาพของกิจการในอนาคต เขากลับแสดงความห่วงใยมากกว่าที่ผ่านมาโดยตอบว่า เงินหยวนแข็งค่าเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ มาตรฐานราคาสินค้าและวัตถุดิบก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด ตอนนี้เรียกว่ากดดันที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
การที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ยอดสั่งผลิตกลับลดลงต่อเนื่อง ย่อมทำให้ผลกำไรของบริษัทลดลงอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน โดยในขณะนี้ธุรกิจรองเท้าที่ทำกันอยู่หากสามารถรักษาผลกำไรให้อยู่ในระดับ 10% ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจถึงกับทำให้ขาดทุนได้ด้วยซ้ำ
สมาคมผู้ประกอบกิจการรองเท้าในพื้นที่ดังกล่าวได้ระบุว่า มีวิสาหกิจขนาดกลางและเล็กที่ต้องปิดตัวหลังจากช่วงเทศกาลตรุษจีนราว 20 กว่าราย และจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ในเมืองจิ้นเจียงได้ระบุว่า ไตรมาสแรกของปี 2008 การเก็บภาษีของผู้ประกอบการ 712 รายมีถึง 309 รายที่มียอดการจ่ายภาษีน้อยลง และบางรายถึงกับเป็นศูนย์ ทำให้รายได้จากการเก็บภาษีลดลง 32.77 ล้านหยวน หรือลดลง 40%
นายติง หรงหัวรองประธานสมาคมการค้าเมืองจิ้นเจียงได้เปิดเผยว่า “ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ราคาของน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น การปรับลดอัตราคืนภาษีส่งออก การปล่อยเงินทุนจากธนาคารน้อยลง ซึ่งมาพร้อมๆกันในเวลาเดียว ซึ่งหากสิ่งเหล่านี้มาเพียงสิ่งใดสิ่งเดียวก็ยังพอรับมือได้ จึงได้เกิดเป็นแรงกดดันของวิสาหกิจการส่งออกอย่างมาก ซึ่งในเวลาเช่นนี้ผู้ประกอบการคงยากที่จะนึกถึงเรื่องของการเจริญเฟื่องฟู แต่ขอแค่อยู่รอดให้ได้เท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้มีข่าวออกมา ทางสำนักข่าวซีซีทีวีได้ทำสกู๊ปเกี่ยวกับกระแสการปิดกิจการของโรงงานรองเท้าในเมืองจิ้นเจียง โดยร่วมมือกับหน่วยงานรัฐต่างๆในท้องที่อาทิสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจเมืองจิ้นเจียง สำนักงานการค้า สำนักงานแรงงาน สำนักงานการคลัง กรมสถิติ สำนักงานภาษีฯลฯ ซึ่งตัวเลขจากซีซีทีวีกลับระบุว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาเมืองจิ้นเจียงหรือเมืองรองเท้าแห่งนี้ได้ประสบกับวิกฤตจริง ทว่ายังพอที่จะเดินต่อไปได้
ข้อมูลจากสำนักงานการค้าจิ้นเจียงระบุว่า ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าในเมืองคิดเป็นมูลค่ารวม 1,819 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 16.25 ในขณะที่จำนวนรองเท้าที่ส่งออกอยู่ที่ 196.82 ล้านคู่ ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และในช่วงปลายปี 2007 มีผู้ปิดกิจการไปเพียง 5 รายเท่านั้น