เอเจนซี – เส้นทางวิ่งคบเพลิงสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ (จูมู่หลางหม่า) ทางฝั่งทิเบตกลายเป็นเส้นทางวิ่งที่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์โอลิมปิก และได้รับความสนใจมากที่สุดในการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกครั้งนี้
โดยหลังจากจีนเริ่มออกสตาร์ทวิ่งคบเพลิงรอบโลกตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยวิ่งผ่าน 5 ทวีป ใช้เวลา 130 วัน ครอบคลุมระยะทางถึง 137,000 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นเส้นทางวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ กระทั่งคบเพลิงโอลิมปิกกลับมาสู่แผ่นดินใหญ่อีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จีนมีกำหนดวิ่งคบเพลิงสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ในกลางเดือนมิถุนายนนี้
ไม่เพียงแต่มีการเตรียมการปรับปรุงถนนหนทางสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก แม้แต่ตะเกียงไฟโอลิมปิกสู่เส้นทางเอเวอเรสต์ก็ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อช่วยรักษาเปลวไฟให้ยังสามารถลุกโชติช่วงภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด ทั้งแรงลมที่รุนแรง อุณหภูมิที่ต่ำประมาณ -30 องศาเซลเซียส หรือแม้กระทั่งปริมาณออกซิเจนที่เบาบางบนยอดเขาเอเวอเรสต์
โดยเจ้าหน้าที่จากห้องวิจัยออกแบบคบเพลิงของบริษัท ไชน่า แอโรสเปซ ไซแอนซ์ แอนด์ อินดัสทรีย์ กรุ๊ป (CASIC) ซึ่งรับหน้าที่พัฒนาคบเพลิงโอลิมปิก ได้เปิดตัวกระบอกใส่ตะเกียงไฟโอลิมปิกที่จะช่วยรักษาไฟในตะเกียงให้สามารถฝ่าฟันสภาพอากาศของเทือกเขาหิมาลัยกระทั่งสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ โดยกระบอกดังกล่าวจะมีห่วง 3 เหลี่ยมด้านบน 2 ห่วง และด้านล่าง 2 ห่วง สำหรับให้ทีมปีนเขาร้อยเชือกสะพายกระบอกขึ้นสู่ยอดเขา ด้านบนมีฝาโลหะ เจาะรู ปิดไว้อีกที นั่นหมายความว่า เราจะไม่สามารถเห็นไฟโอลิมปิกลุกโชติช่วงในตะเกียงได้
ภายนอกกระบอกใส่ไฟโอลิมปิกนั้นเต็มไปด้วยลวดลายของ “เมฆมงคล” เช่นเดียวกับบนตัวคบเพลิง และมีสัญลักษณ์ “ปักกิ่งเริงระบำ” ปรากฏอยู่
นอกจากนี้ตะเกียงไฟโอลิมปิกเองยังได้รับการออกแบบให้สามารถจุดไฟติดนาน น้ำหนักเบา และพกพาสะดวกด้วย โดยเชื้อเพลิงที่นำมาใช้กับตะเกียงนั้น เป็นเชื้อเพลิงลักษณะเป็นของแข็งชนิดพิเศษที่เผาไหม้ช้า ทำให้ไฟสามารถจุดติดยาวนานถึง 8 ชั่วโมง หมายความว่าเจ้าหน้าที่เพียงเติมเชื้อเพลิงใหม่ทุกๆ 8 ชั่วโมงเท่านั้น โดยปกตินั้นเชื้อไฟตะเกียงจะเป็นส่วนผสมระหว่างบิวเพนและโปรเพน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงประเภทก๊าซหุงต้ม สามารถจุดติดไฟโดยปราศจากควันหรือสารพิษ แต่เผาไหม้เร็ว
เกา ปิงซิน รองผู้อำนวยการห้องวิจัยออกแบบคบเพลิงจาก CASIC กล่าวว่า “ผมสามารถรับประกันได้เลยว่า แม้ว่ายอดเขาเอเวอเรสต์จะสูงกว่านี้อีก 200 เมตร ไฟโอลิมปิกของเราก็ยังคงลุกโชติช่วงได้”