xs
xsm
sm
md
lg

คนหน้าใหม่ในลาซาคิดหนัก อยู่หรือไปดี?หลังเหตุจลาจล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การจลาจลในทิเบตช่วงกลางเดือนมี.ค. - เอเยนซี
“ทิเบต” ดินแดนเทือกเขาสูง โดดเดี่ยวไกลโพ้น และมีฤดูหนาวอันโหดร้าย ก่อจินตนาการให้แก่ชาวตะวันตกมาช้านาน ภาพเพ้อฝันยิ่งบรรเจิด เมื่อได้ฟังนิทานเกี่ยวกับ“แชงกรีล่า”ดินแดนประหลาดในฝันจากคำบอกเล่าของนักเดินทาง

จนกระทั่งเมื่อไม่นาน ดินแดนแห่งนี้ก็เริ่มดึงดูดใจชาวจีนไม่แพ้กัน บางคนเดินทางมาท่องเที่ยว แต่อีกหลายคนเดินทางมาก็ด้วยเหตุผลประการเดียว นั่นคือแสวงหาอนาคต และบุกเบิกภาคตะวันตก

หวัง รุ่ยหลิน ออกจากบ้านเกิดในชานตง มณฑลชายฝั่งทะเลเมื่อ 9 เดือนก่อนด้วยเงินที่ขอยืมจากเพื่อนและครอบครัวจำนวน 60,000 หยวน หรือราว 8,500 ดอลลาร์

หวังเปิดร้านเล็ก ๆ ในกรุงลาซา ขายบะหมี่และเกี๊ยวซ่า แต่วันนี้ ธุรกิจนั้นจวนเจียนเป็นแค่ความทรงจำอันแหลกลาญด้วยเศษกระจกเกลื่อนร้าน กลิ่นเหม็นไหม้ของไม้และพลาสติก

“หมดตัวกันคราวนี้ เพิ่งเปิดร้านได้ 9 เดือนเอง” หวังรำพึง

สำหรับชาวจีนผู้มาใหม่ การจลาจลต่อต้านรัฐบาลจีนเมื่อวันที่ 14 มีนาคมทั่วกรุงลาซา เป็นความป่าเถื่อน และเครื่องเตือนใจอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ชาวทิเบตมากมายไม่ต้อนรับผู้มาใหม่ ทั้งยังเคืองแค้นผู้อพยพ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของชาวทิเบต และแย่งงานทำ

ความโกรธแค้นระเบิดเป็นการจลาจลรุนแรงอยู่เกือบ 2 วัน ซึ่งดูเหมือนปะทุขึ้นที่บริเวณวัดราโมเช่ในย่านเมืองเก่าราวเที่ยงวัน เมื่อพระสงฆ์ ซึ่งถูกห้ามออกจากวัด ได้ปีนขึ้นไปบนหลังคา ขว้างปาก้อนหินใส่ตึกรามใกล้เคียง โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งถูกเผา โรงเรียนแห่งนี้นักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กชาวทิเบต แต่เด็กชาวจีนก็ไปเรียนด้วย

จากนั้นไม่นาน ม็อบก็เริ่มทุบทำลายร้านค้า หลายร้านเป็นของชาวจีนเชื้อสายฮั่น และชนกลุ่มน้อยมุสลิม ซึ่งเรียกกันว่าชาวหุย ธนาคาร, ห้างสรรพสินค้า และอาคารสถานที่ราชการถูกเผาราบหลายช่วงตึก ม็อบยังขว้างปาก้อนหินใส่รถพยาบาล จุดไฟเผารถบรรทุกและตั้งเครื่องกีดขวาง ผู้เห็นเหตุการณ์บางคนยังเล่าว่า ผู้ก่อเหตุได้ตะโกนใส่ชาวจีน และถึงขนาดลากชายคนหนึ่งลงจากรถจักรยานยนต์ มาทุบตี

จากคำบอกเล่าของตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งรัฐบาลจีนให้ออกมาให้สัมภาษณ์นั้น ในตอนแรก ตำรวจรุดเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยไม่ถืออาวุธ, ไม้พลองหรือสวมหมวกเหล็กครบมือแต่อย่างใด

เซี่ย ต้าโหย่ว นายตำรวจ ซึ่งมาจากมณฑลเสฉวนเมื่อ 20 ปีก่อน เล่าว่า เขากับกำลังตำรวจเพียงหยิบมือ ถูกชาวทิเบตรุมล้อม ขว้างปาก้อนหิน, ขวดเบียร์แตกใส่

รัฐบาลจีนอ้างว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจล 22 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน แต่ชาวทิเบตพลัดถิ่นโต้แย้งว่า มีผู้เสียชีวิต 140 คน อีกหลายร้อยคนถูกจับกุม ส่วนพระสงฆ์ยังคงถูกกักบริเวณอยู่แต่ภายในวัด

“พวกเขาทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน เผาโรงเรียน ทำลายร้านค้า” เซี่ยระบุ

เขามองว่าเป็นเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ที่เคยประสบมา เลวร้ายยิ่งกว่าการประท้วงของพระสงฆ์ในปี 1989 ซึ่งเป็นการจลาจลต่อต้านจีนครั้งใหญ่ที่สุดและครั้งสุดท้ายในทิเบต

อย่างไรก็ตาม เซี่ยประกาศไม่ถอยหนี “นี่เป็นบ้านเมืองของผม”
ภาพห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรม เนื่องจากได้รับผลสะเทือนจากจลาจล - เอเยนซี
รัฐบาลจีนประกาศให้เงินช่วยเหลือธุรกิจ ที่ได้รับความเสียหาย และให้เงินชดเชยแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต นอกจากนั้น ยังจัดหาตั๋วรถไฟให้แก่ผู้อพยพที่ต้องการโบกมือลาทิเบต กลับบ้านเกิด

อู๋ เฉียงโหยว คนขับแท็กซี่ชาวฮั่นจากมณฑลเหอหนัน อพยพมาอยู่ทิเบตได้ 6 ปี หน้าต่างรถของเขาถูกผู้ก่อจลาจลทุบละเอียด “รถผมขายไม่ออกหรอก ใครจะมาซื้อ และถ้าผมไม่ขับรถ ก็สูญเงินวันละ 100 หยวน ผมเคยมีเพื่อนชาวทิเบต และมีความรู้สึกที่ดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”

เพื่อนของอู๋หลายคนพากันเดินทางออกไป แต่เขายืนยันจะอยู่ที่นี่ แม้ธุรกิจซบเซา “ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า จะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”

แม้เหตุการณ์ผ่านไปแล้วร่วมเดือน แต่บรรยากาศตึงเครียดยังเห็นได้ชัด โดยตำรวจยังตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยในย่านอาศัยของชาวทิเบต

ร้านค้าตามซอกซอยคดเคี้ยวปูลาดด้วยหิน ส่วนใหญ่ยังปิดสนิท เปิดอยู่ร้านเดียว ติดป้ายขายอาหารมังสวิรัติเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนักท่องเที่ยวเงินน้อยนิยมมาอุดหนุน แต่ตอนนี้ ไร้วี่แววลูกค้า ขณะที่ไม่มีพ่อค้าขายสินค้ากลางถนน โรงแรมส่วนใหญ่ปิด แม้รัฐบาลรับรองว่า ทิเบตได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วก็ตาม

ความหวาดกลัวยังมีอยู่ทั่วไปบนท้องถนน หญิงสาวต่างชาติ ผมสีบลอนด์ ไม่ยอมพูดอะไรมากกับนักข่าว บอกแต่เพียงว่า “ที่พวกเขาบอกนั้น อย่าไปเชื่อ ถ้าคุณทราบเรื่องที่เพื่อนชาวทิเบตเล่าให้ฉันฟังแล้วละก็ จะปวดท้องเชียวล่ะ” พูดแล้ว ก็ผลุนผลันออกไป

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนส่งเสริมให้ชาวฮั่นอพยพมาอยู่ในทิเบต เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ โดยสร้างมาตรการจูงใจต่าง ๆ เช่นให้เงินอุดหนุน, เว้นภาษี,ให้เงินกู้การศึกษา,พิจารณารับเข้าทำงานก่อน และให้เงินโบนัส 2,000 หยวนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่เข้าไปทำงานในทิเบต ส่วนทหารประจำการณ์ที่นั่นได้รับเงินเดือนสูงกว่าปกติ 2 เท่าครึ่ง

เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เดินทางไปยังทิเบตราว 4 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ จากเมื่อปี2003 ซึ่งมีไม่ถึงหนึ่งล้านคน โดยการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น

เกิดการถกเถียงกันว่า มีชาวฮั่นรับข้อเสนอมากน้อยกี่คน ตัวเลขทางการจีนระบุว่ามีชนเชื้อสายทิเบตอย่างน้อยร้อยละ94 ของจำนวนประชากรทั้งสิ้น 2,810,000 คนในทิเบตแต่สิ่งที่ปรากฏในลาซาดูเหมือนแตกต่างไปจากข้อมูลนี้ โดยประชากรเชื้อสายฮั่นดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากกว่าชนเชื้อสายทิเบตด้วยซ้ำจากการประมาณการณ์ของบางสำนัก

ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศระบุว่า รัฐบาลจีนมีความคืบหน้าอย่างมากในแก้ไขปัญหาความยากจนในทิเบต แต่ชาวทิเบตแทบไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราผู้ไม่รู้หนังสือ ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี มีถึงร้อยละ46 ในทิเบต ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดในจีน นอกจากนั้น ชาวทิเบตยังหางานทำได้ยากในบ้านของตัวเอง ซึ่งกำลังมีการติดต่อเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับดินแดนส่วนอื่นในมากขึ้น งานหลายตำแหน่งต้องการผู้รู้ภาษาจีนกลาง แต่สำหรับชาวทิเบตส่วนหนึ่งที่รู้แต่ภาษทิเบต โอกาสของพวกเขาถูกปิดกั้น แม้แต่ในบ้านเกิดของตัวเอง

หม่า ชวนหมิง ชาวนายากจนชาวหุยจากมณฑลกันซู่ ร้านขายเครื่องใช้ภายในบ้านของเขา ถูกปล้นและเผาวอดวายในเหตุจลาจล ครอบครัวหม่ากับเจ้าของร้านชาวมุสลิมอีกกว่า 100 ราย ต้องพักอยู่ที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ของรัฐ โดยระหว่างที่รอการซ่อมบ้านและร้านอยู่นั้น หม่าจะพาครอบครัวกลับกันซู่ ซึ่งไม่ไกลจากทิเบตก่อน และเขาจะกลับมาลาซาอีกอย่างแน่นอน

“ผมไม่กลัวหรอกครับ เรื่องร้าย ๆ อาจเกิดขึ้นได้ในทุกที่ที่คุณไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น