เอเอฟพี - จีนระงับการออกวีซ่าประเภทอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้หลายครั้ง (multiple-entry tourist visas) จนกว่าการแข่งขันโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 จะปิดม่าน เอเจนซีทัวร์ในฮ่องกงและสิงคโปร์กล่าวเมื่อวันจันทร์ โดยดารีล เบนดิ้ง จากบริษัท คองคอร์ด ทราเวลในฮ่องกงให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วพวกเราไม่สามารถขอวีซ่าประเภทอนุญาตให้เข้าประเทศได้หลายครั้งจากจีนได้แล้ว”
“สาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่สิงหาคมนี้จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิก ซึ่งหลังจากจบโอลิมปิกแล้ว ทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติ” เบนดิ้งกล่าว
ด้านบริษัทซันไรซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล ซึ่งอยู่ในฮ่องกงเช่นกัน เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของบริษัทว่า บริษัทไม่สามารถขอวีซ่าแบบ multiple-entry ระยะเวลาระหว่าง 6 เดือน – 3 ปีได้ คาดว่าจีนจะอนุญาตอีกครั้งในเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตาม วีซ่า ประเภทอนุญาตให้เข้าได้ครั้งเดียว และ 2 ครั้ง ระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน ยังสามารถขอได้อยู่
ขณะที่สำนักงานตัวแทนบริษัททัวร์รายหนึ่งในสิงคโปร์กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวได้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา
จากความเคลื่อนไหวข้างต้น เบนดิ้งเปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวบางส่วนได้ยกเลิกแผนการเดินทางมายังจีนเมื่อเจอกับมาตรการที่เข้มงวด ขณะที่ แอนดรูว์ เวิร์ค ผู้อำนวยการหอการค้าแคนาดาในฮ่องกงกล่าวว่า คำสั่งระงับการขอวีซ่าประเภทดังกล่าวนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาสำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานอยู่ในฮ่องกงอย่างแน่นอน
“สาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่สิงหาคมนี้จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิก ซึ่งหลังจากจบโอลิมปิกแล้ว ทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติ” เบนดิ้งกล่าว
ด้านบริษัทซันไรซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล ซึ่งอยู่ในฮ่องกงเช่นกัน เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของบริษัทว่า บริษัทไม่สามารถขอวีซ่าแบบ multiple-entry ระยะเวลาระหว่าง 6 เดือน – 3 ปีได้ คาดว่าจีนจะอนุญาตอีกครั้งในเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตาม วีซ่า ประเภทอนุญาตให้เข้าได้ครั้งเดียว และ 2 ครั้ง ระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน ยังสามารถขอได้อยู่
ขณะที่สำนักงานตัวแทนบริษัททัวร์รายหนึ่งในสิงคโปร์กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวได้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา
จากความเคลื่อนไหวข้างต้น เบนดิ้งเปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวบางส่วนได้ยกเลิกแผนการเดินทางมายังจีนเมื่อเจอกับมาตรการที่เข้มงวด ขณะที่ แอนดรูว์ เวิร์ค ผู้อำนวยการหอการค้าแคนาดาในฮ่องกงกล่าวว่า คำสั่งระงับการขอวีซ่าประเภทดังกล่าวนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาสำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานอยู่ในฮ่องกงอย่างแน่นอน
