ซินหัวเน็ต – คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ประกาศเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้อนุมัติเป่าสตีล ซื้อสองผู้ผลิตเหล็กในมณฑลกว่างตง โดย NDRC ระบุว่า เสากั่ง ไอรอน แอนด์ สตีล และ กว่างโจว ไอรอน แอนด์ สตีล จะถูกควบคุมเบ็ดเสร็จโดยเป่าสตีล บริษัทผลิตเหล็ก ซึ่งมีฐานอยู่ในเซี่ยงไฮ้ โดยเป่าสตีลจะปรับปรุงให้ทั้งสองบริษัทกลายเป็นสำนักงานใหญ่ประจำเมืองกว่างโจวของเป่าสตีล
นอกจากนี้ NDRC หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจระดับสูงของจีน ยังได้อนุมัติการร่วมทุนระหว่างบริษัท อู่ฮั่น ไอรอน แอนด์ สตีล ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำในประเทศ และหลิวโจว ไอรอน แอนด์ สตีล
ความเคลื่อนไหวข้างต้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะกำจัดผู้ประกอบการที่ด้อยศักยภาพ และเสริมสร้างแรงแข่งขันให้แก่บริษัทเหล็กในประเทศ
ทั้งนี้ ภายในปี 2010 ยอดส่งออกเหล็กดิบของผู้ผลิตเหล็กชั้นนำ 10 รายของจีน น่าจะคิดเป็นสัดส่วน 50% ของการส่งออกทั้งหมด และเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในปี 2020 โดยที่ผ่านมาเมื่อปี 2006 ยอดการผลิตเหล็กของ 10 บริษัทชั้นนำจีนลดลงมาอยู่ที่ 34.66% ลดจาก 46.25% ในปี 2001
โดย หลิว ปิงเซิง เลขาธิการใหญ่ของสมาคมเหล็กและแร่เหล็กแห่งประเทศจีน (CISA) กล่าวในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วว่า อุปสรรคต่างๆ ในอุตสาหกรรมเหล็กจีนนั้น เกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อม กับกระบวนการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ที่ล่าช้า การปรับองค์กรของอุตสาหกรรม ควรวางตัว 4 บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่เป็นแกนหลัก อันได้แก่ เป่าสตีล กรุ๊ป, อันซัน-เปิ่นซี สตีล, โสวกั่ง-ถังซัน สตีล และ อู่ฮั่น ไอรอน แอนด์ สตีล
ปัจจุบัน จีนกำลังพยายามยกระดับศักยภาพของผู้ผลิตเหล็ก ผ่านการซื้อและควบรวมกิจการ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ทางการในมณฑลซันตง ได้ประกาศรวม 2 บริษัทในมณฑลทางตะวันออก จี๋หนัน ไอรอน แอนด์ สตีล และไล่อู่ สตีล กรุ๊ป ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 6 และ 7 ของประเทศ เข้ากับ ซันตง ไอรอน แอนด์ สตีล
ภายใต้แผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กระดับมณฑล บริษัทใหม่จะต้องมีศักยภาพในการผลิตเหล็กต่อปีอยู่ที่ 31.6 ล้านตัน เป็นรองแค่เป่าสตีล ผู้ผลิตหมายเลข 1 ของประเทศ
นอกจากนี้ NDRC หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจระดับสูงของจีน ยังได้อนุมัติการร่วมทุนระหว่างบริษัท อู่ฮั่น ไอรอน แอนด์ สตีล ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำในประเทศ และหลิวโจว ไอรอน แอนด์ สตีล
ความเคลื่อนไหวข้างต้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะกำจัดผู้ประกอบการที่ด้อยศักยภาพ และเสริมสร้างแรงแข่งขันให้แก่บริษัทเหล็กในประเทศ
ทั้งนี้ ภายในปี 2010 ยอดส่งออกเหล็กดิบของผู้ผลิตเหล็กชั้นนำ 10 รายของจีน น่าจะคิดเป็นสัดส่วน 50% ของการส่งออกทั้งหมด และเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในปี 2020 โดยที่ผ่านมาเมื่อปี 2006 ยอดการผลิตเหล็กของ 10 บริษัทชั้นนำจีนลดลงมาอยู่ที่ 34.66% ลดจาก 46.25% ในปี 2001
โดย หลิว ปิงเซิง เลขาธิการใหญ่ของสมาคมเหล็กและแร่เหล็กแห่งประเทศจีน (CISA) กล่าวในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วว่า อุปสรรคต่างๆ ในอุตสาหกรรมเหล็กจีนนั้น เกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อม กับกระบวนการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ที่ล่าช้า การปรับองค์กรของอุตสาหกรรม ควรวางตัว 4 บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่เป็นแกนหลัก อันได้แก่ เป่าสตีล กรุ๊ป, อันซัน-เปิ่นซี สตีล, โสวกั่ง-ถังซัน สตีล และ อู่ฮั่น ไอรอน แอนด์ สตีล
ปัจจุบัน จีนกำลังพยายามยกระดับศักยภาพของผู้ผลิตเหล็ก ผ่านการซื้อและควบรวมกิจการ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ทางการในมณฑลซันตง ได้ประกาศรวม 2 บริษัทในมณฑลทางตะวันออก จี๋หนัน ไอรอน แอนด์ สตีล และไล่อู่ สตีล กรุ๊ป ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 6 และ 7 ของประเทศ เข้ากับ ซันตง ไอรอน แอนด์ สตีล
ภายใต้แผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กระดับมณฑล บริษัทใหม่จะต้องมีศักยภาพในการผลิตเหล็กต่อปีอยู่ที่ 31.6 ล้านตัน เป็นรองแค่เป่าสตีล ผู้ผลิตหมายเลข 1 ของประเทศ