หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ - "ภาครัฐบาล-เอกชน"ประกาศสอบชิงทุนกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะทุนไปเรียนจีน สพฐ.เร่งผลิตครูให้ 100 ทุน น.ศ.เอกจีนจบแล้วรับราชการทันที ส่วนครูสาขาอื่นยังรับไม่อั้นไปเรียนจีนมาสอนแก้ขัด ส่วนภาคเอกชน 2 แบงค์ดัง "กสิกรไทย-กรุงไทย" ประกาศให้ทุนไปจีนทั้งพนักงานและบุคคลทั่วไป มุ่งพัฒนาสัมพันธ์ไทย-จีนมากขึ้นอีกในอนาคต
นศ.ปี4เอกจีนเฮง-สพฐ.ให้ 100 ทุนผลิตครู
ถึงเดือนมีนาคมก็ถึงเทศกาลทุนที่ทั้งภาครัฐ เอกชนต่างพร้อมใจกันประกาศให้ทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะทุนการศึกษาไป "จีน" ในรอบหลายปีมานี้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่จีนของไทยมีมากขึ้นทุกปี
ทุนที่โดดเด่นที่สุดของปีนี้ คือทุนในส่วนภาครัฐ ที่รับผิดชอบโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งปีนี้จะเป็นปีแรกที่เปิดให้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อในจีน 100 ทุนให้กับนักศึกษาปี 4 ที่เรียนเอกภาษาจีนจากคณะต่างๆ หรือนักศึกษาเอกจีนที่เรียนจบมาแล้วไม่เกิน 5 ปี อายุไม่เกิน 30 ปี เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนครูจีนอย่างเร่งด่วนที่สุด
"โรงเรียนในสังกัดของ สพฐ.มีที่สอนภาษาจีนแล้วกว่า 500 โรงเรียน เดิมมีเพียง 40 โรงเรียน ทำให้ขาดแคลนครูที่รู้ภาษาจีนอย่างมาก แม้ว่าปัจจุบันจีนจะส่งครูมาช่วยสอนปีละ 600 กว่าคนแต่ก็ไม่เพียงพอ ในอนาคตอยากพัฒนาครูไทยให้สอนภาษาจีนเอง" อุษณีย์ วัฒนพันธ์ หัวหน้าสถาบันแปล สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าว
อย่างไรก็ดีทุนดังกล่าวเป็นรับความร่วมมือระหว่าง สพฐ.และสำนักส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนนานาชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (The Office of Chinese Language Council International-Hanban) ซึ่งเป็นทุนที่ทางฝ่ายไทยจะดูแลเรื่องค่าเครื่องบินและค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ และทางจีนจะดูแลเรื่องที่พักและค่าเล่าเรียนทั้งหมดให้นักศึกษาไทย ซึ่งจะใช้เวลาเรียนทั้งหมด 1 ปี เงื่อนไขคือเมื่อเรียนจบจะต้องกลับมารับราชการเป็นครูในโรงเรียนสังกัด สพฐ.เพื่อชดใช้ทุนเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของระยะเวลาที่ได้รับทุน
โดยทุนนี้เป็นโครงการทุนระยะเวลา 3 ปี ปีละ 100 ทุน (2551-2553) โดยนักศึกษาที่ไม่ได้มีพื้นฐานเป็นครูจะต้องเรียนและฝึกสอนในประเทศไทยก่อน 1 เทอม เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต) ตามที่คุรุสภามีกรอบไว้ ก่อนเดือนทางไปจีนและศึกษาที่จีน 2 ภาคเรียนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม -กันยายน 2552 และกลับมาฝึกสอนต่ออีก 1 ภาคเรียนก่อนเข้ารับราชการครู
จบแล้วรับราชการทันที
ส่วนนักศึกษาที่เรียนจบด้านครูคือ สาขาวิชาเอกภาษาจีน ในคณะศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์จะต้องมีการฝึกสอน 2 ภาคเรียนก่อนไปจีนในช่วงเดือน พฤษภาคม- สิงหาคม 2551แล้วไปเรียนต่อที่จีน 2 ภาคเรียน ให้กลับมาฝึกสอนอีก 2 ภาคเรียนคือช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2552
"ทุนนี้เปิดกว้างให้กับนักศึกษาปี 4 ในหลายคณะ คือ คณะศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ ศิลปศาสตร์ อักษรศาสตร์ วิชาเอกภาษาจีน การสอนภาษาจีน จีนศึกษา จีนธุรกิจ"
ดังนั้นผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ภายในวันที่ 11 มีนาคมนี้ (www.moe.go.th หรือ www.obec.go.th) โดยต้องเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 4 ปีการศึกษา 2550 ณ วันสมัคร หรือจบการศึกษาไม่เกิน 5 ปี นับแต่ปีการศึกษา 2544 เป็นต้นมา ซึ่งต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 30 ปี,มีคะแนนเฉลี่ยวิชาเอกไม่ต่ำกว่า 2.5 และที่สำคัญจะต้องมีการสอบ HSK ไม่ต่ำกว่าระดับ 5
สำหรับนักเรียนทุนนี้เมื่อเรียนจบหลักสูตรคาดว่าจะสามารถเข้ารับราชการได้ในปี 2552 ซึ่งจะได้รับบรรจุเป็นครูทันที
"ตรงนี้จะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญ แต่ก็ยังเป็นห่วงว่าคนเรียนเอกจีนในไทยถ้าไปทำงานสายงานอื่นเช่นไปทำงานในบริษัทธุรกิจเอกชนจะได้รับเงินเดือนที่ดีกว่า แต่การเป็นครูแม้เงินเดือนน้อย แต่สวัสดิการและความมั่นคงจะดีกว่า และมีความภูมิใจในความเป็นครู"
อบรมภาษาจีนครูสาขาอื่นช่วงปิดเทอมไม่อั้น
ขณะเดียวกันสพฐ. มีทุนที่ได้จัดให้คนที่เป็นครูอยู่แล้วไปเรียนภาษาจีนช่วงปิดเทอมทั้ง 2 ภาคด้วย โดยเป็นโครงการที่มีมาตั้งแต่ปี 2546 แล้ว เป็นหลักสูตร 3 สัปดาห์ จะมีการอบรมภาษาจีนพื้นฐานในไทยก่อนไปเรียนภาษาจีนที่จีนอีก 4 สัปดาห์ ซึ่งในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน ก็จะมีการรับสมัครช่วงเดือน ตุลาคมของทุกปี และปิดเทอมใหญ่ จะมีการรับสมัครช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคมของทุกปี
"ทุนนี้มีจำนวนกว่า 1,000 ทุนให้ครูตามโรงเรียนสังกัดสพฐ.ต่างๆ ที่มีการเรียนการสอนภาษาจีนแล้ว จะเป็นครูคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม หรือสายอื่นๆ ซึ่งรับไม่อั้น แต่ที่ผ่านมายังมีคนสมัครน้อยประมาณปีละ 300 คนเท่านั้น จึงอยากเชิญชวนให้ครูมาเรียนกันมากๆ" 1 อำเภอ 1 ทุนเจ๋งนร.ใกล้จบ
นอกจากนี้ยังมีทุนภาครัฐ อีกทุนหนึ่งที่รู้จักกันดีคือทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (1 อำเภอ 1 ทุน) ที่ได้มีการส่งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไปเรียนที่ประเทศต่างๆ รวมทั้งจีนด้วยมาแล้ว 2 รุ่น คือปี 2547 กับ 2549 จำนวนนักเรียน 195 ทุน ซึ่งจะมีการไปเรียนภาษาจีน 1-2 ปี ก่อนสมัครเข้ามหาวิทยาลัยจีน จากนั้นให้เลือกสาขาวิชาที่นักเรียนอยากเรียน หรือสาขาวิชาที่เรียนมาเพื่อพัฒนาท้องถิ่นตัวเอง ที่ผ่านมามีนักเรียนเลือกเรียนวิชาต่างๆ หลากหลายเช่น ภาษาจีน แพทย์ทางเลือก ทั้งนี้ขณะนี้นักเรียนในรุ่นแรกกำลังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย
สำหรับปีนี้ กำลังรอนโยบายรัฐบาลใหม่ และรอความชัดเจนเรื่องงบประมาณที่แต่เดิมมีการใช้เงินของหวย 2 ตัว 3 ตัว แต่รัฐบาลที่ผ่านมาให้ใช้งบประมาณปกติแทน ซึ่งเป็นงบประมาณจำนวนหลายพันล้านบาทและเป็นงบผูกพันระยะยาว จึงต้องรอความชัดเจนและรอการอนุมัติจากครม.ของรัฐบาลใหม่ก่อนที่จะเปิดรับรุ่นที่ 3 ซึ่งปกติแล้วจะมีการรับสมัครในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี แต่เนื่องจากปีนี้ยังไม่มีข้อสรุปจึงขอให้นักเรียนที่สนใจติดตามข่าวสารทุกระยะ
กสิกรไทยเน้นการจัดการการตลาด
ในส่วนภาคเอกชน มีการประกาศให้ทุนไปจีนของ 2 แบงค์ใหญ่ด้วย ได้แก่ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทย เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลโครงการทุนกล่าวว่า ปีนี้ธนาคารกสิกรไทยให้ทุนทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 14 ทุน โดยเป็นทุนในประเทศ 9 ทุน และทุนไปศึกษาต่างประเทศ 5 ทุน ใน 3 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา,จีน และญี่ปุ่น โดยทุนไปจีน จะเปิดให้ไปศึกษาต่อในสาขาวิชา ด้านการจัดการหรือการตลาดจำนวน 1 ทุน มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีผลสอบ HSK ระดับ 7 ขึ้นไป หรือหากไม่มีผลสอบ HSK ก็จะต้องผ่านการสอบข้อเขียนภาษาจีนของธนาคารก่อน โดยในปีแรกจะให้ผู้ได้ทุนไปเรียนภาษาจีนก่อน 1 ปี และต้องสมัครเข้ามหาวิทยาลัยท็อปเทนของจีนให้ได้ เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง หรือมหาวิทยาลัยฝูต้าน (Fudan) มหานครเซี่ยงไฮ้ ฯลฯ
โดยธนาคารกสิกรไทยจะให้ทุนทุกอย่างในการไปเรียน ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา ค่าเรียนภาษาจีน ค่าสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ค่าแต่งตัว ค่าที่พัก รวมทั้งให้เงินติดตัวไว้ใช้จ่ายด้วย ซึ่งพนักงานธนาคารกสิกรไทยที่มีอายุงาน 2 ปีขึ้นไป หากได้รับทุนจะได้รับเงินเดือนตามปกติเพิ่มขึ้นมาด้วย เมื่อจบแล้วนักเรียนทุนทุกคนจะได้รับทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยทันที โดยมีเงื่อนไขในการใช้ทุนเป็นระยะเวลา 2 เท่าของระยะเวลาเรียน
ปัญหาที่พบมากคือ คนที่เก่งภาษาจีนมักเรียนมาทางด้านภาษาอย่างเดียว การไปเรียนบริหารธุรกิจ การจัดการ หรือการตลาด จำเป็นจะต้องมีการวิเคราะห์ปัญหาธุรกิจ และต้องมีการสอบวิชาคณิตศาสตร์ด้วย ทำให้ที่ผ่านมาหาคนที่สอบไปเรียนจีนได้น้อย แต่ก็เป็นสาขาที่น่าสนใจและธนาคารก็มีสาขาอยู่ในเมืองจีนหลายสาขา จึงอยากเชิญชวนให้คนมาสมัครกันมากๆ
กรุงไทยมุ่งผลิตคนสานสัมพันธ์ไทย-จีน
ด้านธนาคารกรุงไทย เจ้าหน้าที่สายงานทรัพยากรบุคคลและองค์กร ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ปีนี้ธนาคารกรุงไทยได้เปิดให้มีการสอบชิงทุนการศึกษาระดับปริญญาโทต่างประเทศ ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และจีนจำนวน 12 ทุน ซึ่งไม่จำกัดว่าเป็นทุนของประเทศใดกี่ทุน
โดยจะมีการแบ่งทุนตามสาขาวิชาให้เลือก 7 สาขาได้แก่ สาขาวิชา Finance จำนวน 3 ทุนสาขาวิชา Financial Engineering จำนวน 2 ทุน สาขาวิชา Accounting จำนวน 2 ทุน สาขาวิชา Marketing จำนวน2 ทุน สาขาวิชา Operational Research จำนวน 1ทุน,สาขาวิชา Business Law จำนวน 1 ทุน,สาขาวิชา Human Resource Management จำนวน 1 ทุน
ปัจจุบันอยู่ระหว่างรับสมัครถึงวันที่ 14 มีนาคม 2551 และจะมีการสอบข้อเขียนในวันที่ 10 เมษายน ใน 3 วิชาคือ วิเคราะห์ปัญหาธุรกิจ ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ และสอบวัดคุณลักษณะในวันที่ 27 เมษายนนี้ โดยสำหรับผู้ที่เลือกไปจีนหรือสนใจไปจีนจะดูจากความรู้ด้านภาษาจีน และประสบการณ์ประกอบด้วย ซึ่งผู้ได้ทุนจะต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเท่านั้น และจะต้องกลับมาใช้ทุนไม่ต่ำกว่า 4 ปี หรือระยะเวลา 2 เท่าของเวลาที่ไปเรียนที่จีนด้วย ทุนนี้ผู้สมัครจะต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปี มีเกรดเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3.00 หรือเป็นผู้ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่กำหนดไว้ให้การตอบรับเข้าศึกษาต่อแล้ว
โดยธนาคารกรุงไทยให้ความสำคัญกับทุนไปเรียนที่จีนมากเพราะว่าธนาคารกรุงไทยมีการเปิดสาขาในจีนแล้วหลายแห่ง และอนาคตจะมีการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนอีกมาก