มติ ทปอ.มรภ. 40 แห่ง เตรียมยื่นหนังสือถึง “จุรินทร์” ค้านตั้งสถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ เหตุซ้ำซ้อนไม่ชัดเจน 6 ต.ค.นี้ ขณะที่อธิการฯ มศว ไม่ค้าน แต่ติงรัฐยกระดับมาตรฐานชีวิตครูให้ดี
ศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย (ทปอ.มรภ.) กล่าวว่า ทปอ.มรภ.ทั้ง 40 แห่ง มีมติยืนยันคัดค้านการจัดตั้งสถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ โดยจะรวบรวมข้อสรุปซึ่งเป็นรายละเอียดที่ ทปอ.มรภ.มีความเห็นร่วมกันว่าเรื่องใดบ้างที่ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างการจัดตั้งสถาบันคุรุฯที่ไม่มีความชัดเจน ซ้ำซ้อน เสนอต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งสถาบันนี้ ทั้ง ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลในการจัดสถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ ในวันอังคารที่ 6 ตุลาคมนี้
สำหรับกรณีที่ระบุว่าสถาบันคุรุฯจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาครูไม่ซ้ำซ้อนกับการผลิตครูนั้น ตนมองว่า ยังไม่มีความชัดเจน เพราะรายละเอียดที่เขียนไว้ใน พ.ร.บ.ระบุเรื่องการผลิตครูไว้ด้วย ส่วนที่บอกว่าจะพัฒนาครูก็ไม่มีความชัดเจนว่าจะพัฒนาอย่างไร ที่สำคัญเรื่องการให้ทุนการศึกษายังต้องขึ้นอยู่กับสถาบันนี้ด้วย ดังนั้น จึงอยากให้สถาบันที่ทำหน้าที่ผลิตครูอยู่แล้ว และสถาบันคุรุฯที่กำลังจะตั้งขึ้นมาคุยกันว่ามีเรื่องใดบ้างที่สามารถทำร่วมกันได้ ไม่ใช่มาตั้งสถาบันเพิ่มขึ้นเพื่อคุมสถาบันซึ่งทำหน้าที่ผลิตครูอีกทีหนึ่ง
ด้าน ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงการจัดตั้งสถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ ว่า อยากฝากถึงประธานคณะผู้จัดทำโครงการจัดตั้งสถาบันคุรุศึกษาฯ ว่า ควรจะทำงานประสานกับมหาวิทยาลัยเก่า ที่มีการเรียนการสอนด้านศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์อยู่แล้ว เพราะมหาวิทยาลัยเก่ามีความเข้มแข็งและมีจุดโดดเด่น มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่อยากเห็นสถาบันแห่งนี้เกิดขึ้นมาท่ามกลางการทำงาน โดยไม่ประสานงานกับมหาวิทยาลัยเก่า
ส่วนการจะเลือกมหาวิทยาลัยใดเข้าไปทำงานร่วมก็ควรจะดูความเข้มแข็งเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้วิธีหว่านไปทั่วจนหาความโดดเด่นและหาจุดยืนของตัวเองไม่ได้ แม้ว่าจะมีการมองว่าสถาบันคุรุศึกษาฯจะทำงานซ้ำซ้อนกับคณะศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ที่มีอยู่ ตนคงจะไม่ไปคัดค้านการจัดตั้งโครงการนี้ หากคิดจะจัดตั้งคงต้องตอบสังคมให้ได้ว่าจะมีความโดดเด่นหรือมีดีกว่าคณะศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ ที่ทำการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องรีบจัดการคือ ยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตครูไทยให้ดีขึ้นในเรื่องสวัสดิการ เงินเดือนและการให้เกียรติทางสังคมเหมือนอาชีพอื่นๆ ทำอย่างไรจะยกระดับมาตรฐานชีวิต เงินเดือนครูให้สูงขึ้น รัฐต้องจริงจังกับเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว ไม่ใช่โทษสถาบันการศึกษาที่ผลิตครูว่าผลิตครูไม่ได้คุณภาพ และใช้วิธีแก้ด้วยการตั้งสถาบันใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำให้ครูไทยดีกว่าเดิมได้หรือไม่
ศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย (ทปอ.มรภ.) กล่าวว่า ทปอ.มรภ.ทั้ง 40 แห่ง มีมติยืนยันคัดค้านการจัดตั้งสถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ โดยจะรวบรวมข้อสรุปซึ่งเป็นรายละเอียดที่ ทปอ.มรภ.มีความเห็นร่วมกันว่าเรื่องใดบ้างที่ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างการจัดตั้งสถาบันคุรุฯที่ไม่มีความชัดเจน ซ้ำซ้อน เสนอต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งสถาบันนี้ ทั้ง ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลในการจัดสถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ ในวันอังคารที่ 6 ตุลาคมนี้
สำหรับกรณีที่ระบุว่าสถาบันคุรุฯจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาครูไม่ซ้ำซ้อนกับการผลิตครูนั้น ตนมองว่า ยังไม่มีความชัดเจน เพราะรายละเอียดที่เขียนไว้ใน พ.ร.บ.ระบุเรื่องการผลิตครูไว้ด้วย ส่วนที่บอกว่าจะพัฒนาครูก็ไม่มีความชัดเจนว่าจะพัฒนาอย่างไร ที่สำคัญเรื่องการให้ทุนการศึกษายังต้องขึ้นอยู่กับสถาบันนี้ด้วย ดังนั้น จึงอยากให้สถาบันที่ทำหน้าที่ผลิตครูอยู่แล้ว และสถาบันคุรุฯที่กำลังจะตั้งขึ้นมาคุยกันว่ามีเรื่องใดบ้างที่สามารถทำร่วมกันได้ ไม่ใช่มาตั้งสถาบันเพิ่มขึ้นเพื่อคุมสถาบันซึ่งทำหน้าที่ผลิตครูอีกทีหนึ่ง
ด้าน ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงการจัดตั้งสถาบันคุรุศึกษาแห่งชาติ ว่า อยากฝากถึงประธานคณะผู้จัดทำโครงการจัดตั้งสถาบันคุรุศึกษาฯ ว่า ควรจะทำงานประสานกับมหาวิทยาลัยเก่า ที่มีการเรียนการสอนด้านศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์อยู่แล้ว เพราะมหาวิทยาลัยเก่ามีความเข้มแข็งและมีจุดโดดเด่น มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่อยากเห็นสถาบันแห่งนี้เกิดขึ้นมาท่ามกลางการทำงาน โดยไม่ประสานงานกับมหาวิทยาลัยเก่า
ส่วนการจะเลือกมหาวิทยาลัยใดเข้าไปทำงานร่วมก็ควรจะดูความเข้มแข็งเป็นหลัก ไม่ใช่ใช้วิธีหว่านไปทั่วจนหาความโดดเด่นและหาจุดยืนของตัวเองไม่ได้ แม้ว่าจะมีการมองว่าสถาบันคุรุศึกษาฯจะทำงานซ้ำซ้อนกับคณะศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ที่มีอยู่ ตนคงจะไม่ไปคัดค้านการจัดตั้งโครงการนี้ หากคิดจะจัดตั้งคงต้องตอบสังคมให้ได้ว่าจะมีความโดดเด่นหรือมีดีกว่าคณะศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ ที่ทำการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องรีบจัดการคือ ยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตครูไทยให้ดีขึ้นในเรื่องสวัสดิการ เงินเดือนและการให้เกียรติทางสังคมเหมือนอาชีพอื่นๆ ทำอย่างไรจะยกระดับมาตรฐานชีวิต เงินเดือนครูให้สูงขึ้น รัฐต้องจริงจังกับเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว ไม่ใช่โทษสถาบันการศึกษาที่ผลิตครูว่าผลิตครูไม่ได้คุณภาพ และใช้วิธีแก้ด้วยการตั้งสถาบันใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำให้ครูไทยดีกว่าเดิมได้หรือไม่
