สนามบินจีนสร้างเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ!?

เอเจนซี – บ่อยครั้งที่โครงการขยายสนามบินของประเทศอื่นๆ ถูกเบรคหัวทิ่มหัวตำเพราะความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน แต่กับประเทศจีนแล้วกลับสามัคคีกันคลอดแผนสร้างสนามบินใหม่เกือบ 100 แห่งภายในปี 2020 ทุบกระปุกกับโครงการเมกะโปรเจ็กไปไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมไปถึงโครงการสร้างสนามบินที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกที่ทิเบตด้วย

และที่นับว่าใช้งบประมาณบานเบอะที่สุดเห็นจะเป็นโครงการสร้างอาคารผู้โดยสาร 3 ของสนามบินนานาชาติปักกิ่ง ที่ควักกระเป๋าไปทั้งสิ้น 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอล 170 สนามรวมกันเลยทีเดียว และมีกำหนดเปิดทดลองให้บริการตั้งแต่เช้าวันศุกร์นี้ (29 ก.พ.)

อาคารผู้โดยสาร 3 ของปักกิ่งนับว่า ช่วยปลดเปลื้องภาระของผู้โดยสารที่สนามบินนี้ได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมาพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาบริการล่าช้า การต่อคิวรอที่ยาวเหยียด และราคาอาหารที่แพงเว่อร์ แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตอาคารผู้โดยสาร 3 ก็ยังไม่ใช่คำตอบของปัญหาทั้งหมด

แม้ทางการจีนคาดว่า อาคารผู้โดยสารใหม่รูปมังกรแห่งนี้จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 76 ล้านคนต่อปี แต่ จิม เอ็กส์ กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาในฮ่องกง Indoswiss Aviation ก็แสดงทัศนะว่า “จีนรับมอบเครื่องบินใหม่ทุกๆ 3 วันต่อ 1 ลำก็ว่าได้ ด้วยตลาดการบินที่ขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง กอปรกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่งวดเข้ามาทุกขณะ อาคารแห่งใหม่นี้สามารถช่วยปักกิ่งรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ได้แค่เพียง 2 ปีต่อจากนี้เท่านั้น”

นอกจากนี้ เอ็กส์ยังมองว่า "แม้หลายคนมองว่าแผนการขยายสนามบินมูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐของจีนนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ในความคิดของเขาแล้วไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายอะไรเลย เพราะปัจจุบันจีนมีสนามบินเพียงแค่ 150 แห่งเท่านั้น ห่างไกลจากสหรัฐฯ ลิบลิ่ว เพราะเฉพาะแค่โอไฮโอที่เดียวก็มีสนามบินปาเข้าไป 120 แห่งแล้ว"

ด้านเอเดรี่ยน โลวี่ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมการบินจากบริษัทหลักทรัพย์ ซีแอลเอสเอ ของฮ่องกงยอมรับว่า สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทางด้านการบินของจีนนั้นยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเพียงต่อความต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องสวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวด้วยเลข 2 หลักติดต่อกันหลายปี ดังจะเห็นได้จากสนามบินปักกิ่งเมื่อปีที่แล้วต้องรับมือการผู้โดยสารทั้งสิ้น 48 ล้านคน ทั้งที่ศักยภาพที่แท้จริงอยู่ที่ 35 ล้านคนเท่านั้น

ภาวะคอขวดของธุรกิจการบินพลเรือนจีนทำให้รัฐบาลจีนเริ่มหันไปกดดันสนามบินต่างๆ ให้ยกระดับสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารและเครื่องบินที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

ทอม บอลลันทิน จากนิตยสาร โอเรี่ยน เอวิเอชั่น ในออสเตรเลีย ก็แสดงความคิดเห็นถึงปัญหาของการจราจรของสนามบินจีนว่า ส่วนใหญ่กระจุกตัวแน่นอยู่ใน 3 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และกว่างโจว

ทั้งนี้ ปัจจุบันทางการจีนได้เสนอเงินอุดหนุนให้แก่สายการบินต่างๆ ให้หันไปเปิดเส้นทางบินไปเมืองแถบตะวันตกที่พัฒนาน้อยกว่า เพื่อสร้างความสมดุลการจราจร นอกจากนี้เมื่อปีที่แล้วทางการยังลดเที่ยวบินบินเข้าและออกปักกิ่งลง พร้อมทั้งเข้มงวดสายการบินมากขึ้น โดยระบุสายการบินที่มีบุคลากรการบินไม่พอเพียงก็ไม่สามารถเปิดเส้นทางหรือซื้อเครื่องบินใหม่ได้