เอเอฟพี/รอยเตอร์-ฮ่องกงประกาศแผนลดภาษีหลายประเภท เพื่อกระตุ้นการลงทุนและรักษาแรงแข่งขันทางเศรษฐกิจของฮ่องกง ขณะที่ตัวเลขยอดเกินดุลงบประจำปีทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์
จอห์น ถังรัฐมนตรีคลังฮ่องกง ให้คำมั่นในการกล่าวปราศรัยงบประมาณประจำปีว่า จะลดภาษีสำหรับพนักงานและธุรกิจ ยกเลิกภาษีไวน์และเบียร์ หลังจากที่ยอดเกินดุลงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31เดือนมีนาคมนี้ของฮ่องกง ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ คาดแตะ 14,800 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าปีที่แล้วเกือบ 2 เท่า
โดยรัฐบาลจะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาช่วงปี 2008-2009 เหลือ 15% จาก 16% ,ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 16.5% จาก 17.5%
นอกจากนี้ ถังยังประกาศจะคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารวมถึงภาษีทรัพย์สิน 75% และเพิ่มการผ่อนปรนภาษีหลายประเภท รวมถึงการให้สิทธิพิเศษด้านภาษีแก่ผู้ผลิตรถยนต์พาณิชย์และบริษัทที่ใช้อุปกรณ์และเครื่องจักรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, เพิ่มความช่วยเหลือด้านสวัสดิการผู้สูงวัย,ผู้มีรายได้ต่ำ และผู้พิการ
สำหรับการยกเลิกภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เป็นไปเพื่อผลักดันให้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางค้าไวน์ระดับภูมิภาค เนื่องจากการบริโภคไวน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปี่มานี้
การประกาศลดภาษีครั้งนี้ สะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจีดีพีขยายตัว 6.3% และอัตราว่างงานต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากเศรษฐกิจจีนกำลังบูมอย่างหนัก
ถังกล่าวว่า ยอดเกินดุลซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นี้ เกิดจากรายได้จากภาษีจากตลาดหลักทรัพย์ และอหังสาริมทรัพย์ที่สูงเกินคาด ซึ่งปีที่แล้วตลาดหุ้นฮ่องกงขยายตัวถึง 39% ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% รวมถึงกำไรของบริษัทและเงินเดือน
อย่างไรก็ดี นโยบายข้างต้นจะทำให้ฮ่องกงขาดดุล 7,500 ล้านเหรียญ ในปี 2008-2009 ซึ่งสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกกล่าวว่า นโยบายดังกล่าวจะไม่กระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกง
ด้านเฉียน หวัง นักเศรษฐศาสตร์ของเจพี มอร์แกน เชส ในฮ่องกงกล่าวว่า นโยบายลดภาษีมูลค่าถึง 35,300 ล้านเหรียญฮ่องกง นอกจากจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในฮ่องกงแล้ว ยังเป็นการสร้างกันชนจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย
ทั้งนี้ ถังค่อนข้างเชื่อมั่นเศรษฐกิจของฮ่องกงในปีนี้ คาดเศรษฐกิจจะขยายตัว 4-5% ในปี 2008-2009 เงินเฟ้อ 4.5% ปริมาณทุนสำรองฮ่องกงแตะ 484,900 ล้านเหรียญฯ
อย่างไรก็ดี ถังกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ ฮ่องกงและเอเชียได้รับผลกระทบจากสินเชื่อตึงตัวในสหรัฐฯและยุโรปในวงจำกัด แต่ก็เตือนว่า ฮ่องกงอาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อที่ขยายตัว และการปรับปรุงอุตสาหกรรมในจีนทำให้ฮ่องกงเผชิญกับการแข่งขันมากขึ้น รวมถึงมาตรการดับร้อนเศรษฐกิจของจีนก็อาจกระทบต่อฮ่องกงเช่นกัน.