วิวาทะดีเบตไต้หวัน “เซี่ย-หม่า” ซัดกันนัวโพลชี้ “หม่า” นำโด่ง

เอเยนซี – การดีเบตรอบแรกของการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันอาทิตย์ (24 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยต่างฝ่ายสามารถตั้งคำถามใส่กัน จนทำให้มีการซัดประเด็นใส่กันอย่างดุเดือด แม้มองตรงกันด้านนโยบายบินตรงจีน-ไต้หวัน ขณะที่โพลชี้ 56% เชื่อหม่าจะได้เป็นประธานาธิบดีไต้หวันคนต่อไป

โดยเซี่ยฉางถิงจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ได้หยิบยกประเด็น “สัจจะ” จวกหม่าอิงจิ่วจากพรรคก๊กมินตั๋งในกรณี “คดีงบพิเศษ” ว่าหม่าเคยลั่นวาจาว่าเอาเงินไปใช้กับงานสาธารณะ ไม่เคยรับเช็คจากใคร ไม่เคยแตะต้องหุ้นที่ทางบ้านถือไว้ ไม่เคยรับเงินใต้โต๊ะทางการเมือง แต่สุดท้ายกลับต้องกลับคำพูด

ด้านหม่านอกจากชี้แจงกรณีงบพิเศษแล้ว ได้อธิบายว่าหุ้น 3 ตัวที่ทางครอบครัวถือไว้มี 2 ตัวที่ไม่เคยแตะต้องซื้อขายมาก่อน ในขณะที่อีก 1 ตัวก็หยุดทำการซื้อขายไปตั้งแต่ 2 ปีก่อน เงินใต้โต๊ะทางการเมืองยิ่งไม่เคยรับ จากนั้นก็ได้ทวงถามความรับผิดชอบที่พรรคดีพีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบันได้บริหารบ้านเมืองจนกระทั่ง ผู้มีรายได้กลาง-ต่ำ ธุรกิจเอสเอ็มอี และประชาชนในภาคกลางและภาคใต้เดือดร้อนจนมีสถิติคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า ยังไม่นับรวมกรณีคนในพรรคที่มีคดีพัวพันกับเรื่องคอร์รัปชั่นอยู่ 21 คดี

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการวิวาทะอันดุเดือด ด้านนโยบายต่อประเทศจีนนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มที่จะมองตรงกันมากขึ้น โดยเซี่ยฉางถิงได้ประกาศว่าหากได้เป็นประธานาธิบดี จะทำการเปิดให้มีการบินตรงระหว่างสองฟากฝั่งใน 3 เดือน ขณะที่หม่าได้ชี้ว่าภายใน 3 เดือนจะมีการบินตรงแบบเหมาลำเพิ่มจากช่วงเทศกาลตรุษจีนมาเป็นทุกปลายสัปดาห์ และภายในครึ่งปี จะทำให้มีการเหมาลำบินในวันธรรมดาแต่ละวันด้วย

หลังการดีเบตรอบแรกเสร็จสิ้น ผลสำรวจพบว่าประชาชน 54% รู้สึกว่าการดีเบตของหม่าอิงจิ่วทำได้ดีกว่า ในขณะที่ 21% มองว่าเซี่ยฉางถิงทำผลงานได้ดีกว่า ส่วนผลสำรวจในด้านเนื้อหานโยบายทางการเมืองนั้น 55% มองว่าหม่ามีวิสัยทัศน์ที่ดี ในขณะที่ผู้สนับสนุนด้านนโยบายของเซี่ยมีเพียง 19%

หลังการดีเบตในครั้งนี้ ได้ทำให้โพลสำรวจความนิยมขยับตัวอีกครั้ง โดยความนิยมในตัวหม่าอิงจิ่วลดลงเล็กน้อยจาก 10 วันที่ผ่านมาจาก 56% เหลือ 49% โดยความนิยมในตัวของเซี่ยฉางถิง เพิ่มขึ้นจาก 18% เป็น 21% ในขณะที่คน 56% ยังเชื่อมั่นว่าหม่าน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานธิบดีในครั้งนี้ ในขณะที่มีชาวไต้หวันเพียง 9% ที่คิดว่าเซี่ยฉางถิงจะได้ครองตำแหน่งดังกล่าว

ทั้งนี้ หลังการดีเบตจบสิ้น จากนโยบายที่เริ่มส่งสัญญาณว่าจะเป็นมิตรกับจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น ได้ดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไต้หวันเปิดตัวพุ่งขึ้นร้อยกว่าจุดทันทีที่เปิดตลาดในวันจันทร์ (25 ก.พ.) ในขณะที่ค่าเงินไต้หวันก็แข็งขึ้นจาก 31.495 เหรียญไต้หวัน มาเป็น 31.342 เหรียญไต้หวันต่อดอลลาร์สหรัฐฯ