นศ.ไต้หวันหัวใสออกปฏิทินไล่อาเปี่ยน คะแนนนิยมผู้นำก๊กมินตั๋งพุ่งสูง

หนังสือพิมพ์สากล-สาวนักท่องเว็บไต้หวันหัวใส ขายปฏิทินตั้งโต๊ะ “นับถอยหลังวันอาเปี่ยนก้าวลงจากตำแหน่ง” ต้อนรับกระแสการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด และไอเดียของเธอ ก็กลายเป็นที่กล่าวขวัญบนหน้าเว็บอยู่พักใหญ่

สาวแซ่เซี่ย นักศึกษามหาวิทยาลัยปี 3 ในไต้หวัน เจ้าของผลงานไอเดียเจ๋งกล่าวว่า เธอไม่ได้เชียร์นักการเมืองคนไหนเป็นพิเศษ แค่ต้องการสร้างผลงานตลกเสียดสีเท่านั้น และไม่คิดว่าจะกลายเป็นประเด็นบนหน้าเว็บในวันแรกที่วางจำหน่ายในระบบออนไลน์

ทั้งนี้ ปฏิทินตั้งโต๊ะดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยฝั่งซ้ายเป็นภาพการ์ตูนล้อเลียนของเฉินสุยเปี่ยน ประธานาธิบดีไต้หวันคนปัจจุบันจากพรรครัฐบาลแห่งประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ฝั่งขวาเป็นหม่าอิงจิ่ว ตัวเก็งตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ จากพรรคฝ่ายค้านกั๋วหมินตั่ง(ก๊กมินตั๋ง) ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 22 มีนาคมนี้ และในวันที่ 20 พฤษภาคม จะเป็นวันที่ประธานาธิบดีคนใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ ปฏิทินจะระบุตัวเลขนับถอยหลังในช่วง 5 วันสุดท้าย ก่อนถึงวันเข้าดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ โดยจะมีตัวเลข 5,4,3,2,1 “ในที่สุด ก็ได้เวลาฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้ว!” และ”เรารักคุณ ประธานาธิบดีคนใหม่"

ขณะนี้พรรคก๊กหมินตั๋งกำลังมาแรงสุดสุด พิชิตชัยชนะชนิดถล่มทลายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนเมื่อวันที่ 12 มกราคม โดยกวาดเก้าอี้ได้ถึง 113 ที่นั่ง ขณะที่ดีพีพีของเฉินสุยเปี่ยนได้แค่ 27 ที่นั่ง และยิ่งเข้าใกล้วันเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่เท่าไหร่ ภาพของเฉินสุยเปี่ยนลดระดับลงจากยอดทำเนียบประธานาธิบดีลงสู่เบื้องล่าง ขณะที่ภาพหม่าอิงจิ่วค่อยๆเลื่อนขึ้นสู่ยอดอาคารแทน

คู่แข่งของหม่าอิงจิ่วในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันครั้งนี้คือ เซี่ยฉางถิง(แฟรงก์ เซี่ย)จากดีพีพี โดยเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา หม่าอิงจิ่วจับมือกับ เซียววั่นฉาง ส่วนเซี่ยฉางถิงจับมือกับ ซูเจินซัง ลงทะเบียนเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีไต้หวันอย่างเป็นทางการกับคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งจะมีการเลือกตั้งขึ้นในวันเดียวกัน

และผลสำรวจล่าสุดเมื่อวันศุกร์(15 ก.พ.)ของยูไนเต็ท เดลี่ นิวส์ แห่งไต้หวันระบุว่า ความนิยมของหม่าเพิ่มขึ้นจาก 46% เป็น 56% ส่วนความนิยมของเซี่ยลดลงจาก 23%เหลือเพียง 18% จากผลสำรวจของไชน่า ไทมส์ แห่งไทเป เมื่อช่วงสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา.