เอเชียน วอลล์สตรีท – หลี่กั๋วเป่า (เดวิด หลี่) สมาชิกสภาที่ปรึกษาผู้บริหารสูงสุด (Executive Council) ลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกกดดันกรณีอาศัยข้อมูลภายใน เก็งกำไรจากหุ้นดาวน์โจนส์
เมื่อวันเสาร์ (16 ก.พ.) หลี่กั๋วเป่าได้ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาผู้บริหารสูงสุด หลังหลายฝ่ายรุมจวก กรณีมีเอี่ยวใช้ข้อมูลภายในเก็งกำไรค้าหุ้นบริษัทดาวน์โจนส์ แอนด์ โค เจ้าของสื่อ วอลล์สตรีท เจอร์นัล
เมื่อต้นเดือนก.พ. หลี่ประธานและซีอีโอของ แบงก์ ออฟ อีสต์ เอเชีย เพิ่งจ่ายค่าปรับให้กับคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯรวมมูลค่า 8.1 ล้านเหรียญ สำหรับกรณีอาศัยข้อมูลภายในเก็งกำไรหุ้น โดยหลี่มิได้ประกาศยอมรับผิดหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม หลี่ระบุในแถลงการณ์ของเขาว่า แม้เขาจะลาออกจากตำแหน่ง สมาชิกสภาที่ปรึกษาผู้บริหารสูงสุด ทว่าเขาจะยังคงสถานะสมาชิกสภานิติบัญญัติอยู่
ปัจจุบันสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 60 คน ครึ่งหนึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาจากการแต่งตั้ง หลี่เป็นสมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยหลี่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสส.ในปี 2004 ดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปีสิ้นสุดวาระในปี 2008
อย่างไรก็ตามยังมิมีข่าวกล่าวถึงผลกระทบจากการลาออกของหลี่ว่า จะกระทบกับบทบาทการดำรงตำแหน่งอื่นของเขาหรือไม่ เนื่องจากธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority) จำต้องตรวจสอบข้อมูลของผู้บริหารธนาคารว่าเหมาะสมต่อการดำรงตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้อาจกระทบต่อตำแหน่งของหลี่ในแบงก์ ออฟ อีสต์ เอเชีย และบริษัทอื่นๆซึ่งหลี่ดำรงตำแหน่งสำคัญ
สำหรับกรณีทุจริตฉาวนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนเม.ย. 2007 ขณะที่หลี่ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของดาวน์โจนส์ โดยหลี่ได้อาศัยข่าวข้อมูลภายในว่า นิวส์ คอร์ป ของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก จะยื่นข้อเสนอซื้อดาวน์โจนส์ ข้อมูลจากทางสหรัฐฯระบุว่า ทันทีที่หลี่ล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวเขาได้แจ้งญาติ และเพื่อนสนิทให้ทำการซื้อหุ้นเก็งกำไรทันที โดยทำการซื้อผ่าน บัญชีเมอร์ริล ลินช์ ฮ่องกงในวันที่ 13 เม.ย. หนึ่งวันหลังจากหลี่ล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าว โดยเพื่อนของหลี่ 2 คนสามารถทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นของดาวน์โจนส์รวมมูลค่า 8.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังนิวส์คอร์ปประกาศซื้อกิจการของดาวน์โจนส์อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พ.ค.
นับแต่ข้อมูลจาก คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯถูกเผยแพร่ หลี่ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงการเงิน, การเมือง และสังคมของฮ่องกงถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่
เดวิด เว็บบ์ ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นหนึ่งในบุคคลที่ออกมาเรียกร้องให้หลี่ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาผู้บริหารสูงสุด และสส.
เจิงอินเฉวียน (โดนัลด์ เจิง) ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง ซึ่งหลี่เคยช่วยดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายหาเสียงเลือกตั้ง ระหว่างที่เจิงขับเคี่ยวชิงเก้าอี้ผู้ว่า ระบุในแถลงการณ์ว่า “ผมยอมรับการลาออกจากตำแหน่งของหลี่ ผมปลาบปลื้มกับสิ่งที่หลี่ทำเพื่อฮ่องกง ผมจะรำลึกถึงเขา และหวังว่าหลี่จะทำงานรับใช้ฮ่องกงในบทบาทอื่นๆต่อไป”
ด้านหลี่ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ (15 ก.พ.) ว่า “ผมได้ตกลงเจรจาชำระค่าปรับกับทางสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบของผมต่อเพื่อน, ครอบครัว, และธุรกิจ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันให้กับสมาชิกสภาที่ปรึกษาผู้บริหารสูงสุด และผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ภายใต้ข้อตกลงกับทางสหรัฐฯ ผมมิได้รับอนุญาตให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ ทำให้ผมไม่สามารถตอบโต้คำถามที่หลายฝ่ายหยิบยกขึ้นมา”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ หลี่ได้ประกาศว่า “เขาจะพิจารณาลงสมัครชิงตำแหน่งสส. อีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากสภานิติบัญญัติชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระ”
ตามกฎหมายฮ่องกงที่ประกาศเมื่อปี 2003 การซื้อขายโดยอาศัยข้อมูลภายในถือว่าเป็นความผิดทางอาญา อย่างไรก็ตามตั้งแต่กฎหมายดังกล่าวออกบังคับใช้ ยังมิมีคดีความขึ้นสู่กระบวนการทางกฎหมาย
