เอเชียน วอลล์สตรีท – บรรษัทการลงทุนแห่งชาติจีนยังไม่เข็ดหลังขาดทุนยับจากการลงทุนในบริษัทระดับโลกหลายบริษัท ล่าสุด วางแผนลงทุนในกองทุนใหม่ของบริษัทกองทุนเอกชน เจ.ซี ฟลาวเวอร์ส ฟุ้งการลงทุนครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน กล่าวคือเป็นการลงทุนโดยอ้อมที่เปิดช่องให้ยักษ์กองทุนจีนลงทุนในหลากหลายบริษัท ไม่เสี่ยงเหมือนก่อนๆ
ไชน่า อินเวสต์เม้นท์ คอร์ป (ซีไอซี) กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (sovereign wealth fund ) ซึ่งทำหน้าที่บริหารเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 6 ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนทั้งหมด อยู่ในช่วงเจรจาความคืบหน้าเพื่อลงทุนเงินมูลค่า 3,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในกองทุนใหม่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยบริษัทกองทุนเอกชนสหรัฐฯ “เจซี ฟลาวเวอร์ส์ แอนด์ โค.”
การตัดสินใจก้าวออกไปลงทุนของซีไอซีในครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นว่า ซีไอซีไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเมื่อครั้งเอาเงินลงทุนมหาศาลไปจมทิ้งตอนลงทุนกับแบล็กสโตน กรุ๊ป
โดยเมื่อปีที่แล้ว ซีไอซีลงทุนในแบล็กสโตน ถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนที่บริษัทสหรัฐฯ จะทำไอพีโอ แต่หลังจากทำไอพีโอแล้ว ปรากฏว่า ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งเหวอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในเดือนธันวาคม ซีไอซีตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้น 10% ของ มอร์แกน สแตนลีย์ เป็นมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้าน โหลวจี้เหว่ย ประธานไชน่า อินเวสต์เม้นท์ คอร์ป ซึ่งเป็นอดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ว่า บรรษัทการลงทุนแห่งชาตินี้ กำลังพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ของหลายๆ บริษัทมากกว่าจะลงทุนในบริษัทแห่งใดแห่งหนึ่ง
ด้วยการลงทุนในกองทุนใหม่ ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดย เจ.ซี ฟลาวเวอร์สนี้ ซีไอซีจะสามารถลงทุนทางอ้อมในบริษัทที่หลากหลาย และยังสามารถปกป้องตัวเองจากผลกระทบทางการเมืองจากการลงทุนโดยตรงในบริษัทสหรัฐฯได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้านโฆษกของซีไอซี กล่าวว่า เธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเจรจาดังกล่าว ขณะที่ทาง เจ.ซี ฟลาวเวอร์ส์ไม่สามารถให้ความเห็นได้
ทั้งนี้ เจ.ซี ฟลาวเวอร์ส ซึ่งบริหารจัดการโดยอดีตนายแบงก์ของโกลด์แมน แซคส์ เจ คริสโตเฟอร์ ฟลาวเวอร์ส เป็นบริษัทที่ลงทุนกับสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา
ไชน่า อินเวสต์เม้นท์ คอร์ป (ซีไอซี) กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (sovereign wealth fund ) ซึ่งทำหน้าที่บริหารเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 6 ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนทั้งหมด อยู่ในช่วงเจรจาความคืบหน้าเพื่อลงทุนเงินมูลค่า 3,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในกองทุนใหม่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยบริษัทกองทุนเอกชนสหรัฐฯ “เจซี ฟลาวเวอร์ส์ แอนด์ โค.”
การตัดสินใจก้าวออกไปลงทุนของซีไอซีในครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นว่า ซีไอซีไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเมื่อครั้งเอาเงินลงทุนมหาศาลไปจมทิ้งตอนลงทุนกับแบล็กสโตน กรุ๊ป
โดยเมื่อปีที่แล้ว ซีไอซีลงทุนในแบล็กสโตน ถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนที่บริษัทสหรัฐฯ จะทำไอพีโอ แต่หลังจากทำไอพีโอแล้ว ปรากฏว่า ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งเหวอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในเดือนธันวาคม ซีไอซีตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้น 10% ของ มอร์แกน สแตนลีย์ เป็นมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้าน โหลวจี้เหว่ย ประธานไชน่า อินเวสต์เม้นท์ คอร์ป ซึ่งเป็นอดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ว่า บรรษัทการลงทุนแห่งชาตินี้ กำลังพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ของหลายๆ บริษัทมากกว่าจะลงทุนในบริษัทแห่งใดแห่งหนึ่ง
ด้วยการลงทุนในกองทุนใหม่ ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดย เจ.ซี ฟลาวเวอร์สนี้ ซีไอซีจะสามารถลงทุนทางอ้อมในบริษัทที่หลากหลาย และยังสามารถปกป้องตัวเองจากผลกระทบทางการเมืองจากการลงทุนโดยตรงในบริษัทสหรัฐฯได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้านโฆษกของซีไอซี กล่าวว่า เธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเจรจาดังกล่าว ขณะที่ทาง เจ.ซี ฟลาวเวอร์ส์ไม่สามารถให้ความเห็นได้
ทั้งนี้ เจ.ซี ฟลาวเวอร์ส ซึ่งบริหารจัดการโดยอดีตนายแบงก์ของโกลด์แมน แซคส์ เจ คริสโตเฟอร์ ฟลาวเวอร์ส เป็นบริษัทที่ลงทุนกับสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา
