เอเจนซี่-ประชาชนจีนหลายล้านคนแห่กลับบ้านเกิดในวันสุดท้ายของปีหมูทอง(วันสุกดิบ)(6 ก.พ.) เพื่อร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับครอบครัว ซึ่งเริ่มขึ้นในวันพฤหัส(7 ก.พ.) หลังจากที่เส้นทางรถไฟและถนนหลายสายกลับมาใช้การได้อีกครั้ง ขณะเดียวกันยังมีประชาชนอีกหลายล้านคนที่ไม่มีตั๋วกลับบ้าน และขาดน้ำขาดไฟฟ้าสำนักข่าวซินหัวรายงาน
ประชาชนเมืองเชินโจว ในมณฑลหูหนันทางภาคกลางของจีน ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 4 ล้านคน เป็นบริเวณที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงสุด โดยขาดน้ำและไฟฟ้าเป็นวันที่ 12 วันติดต่อกัน ขณะที่เสาไฟฟ้าแรงสูงราว 1,000 ต้นเสียหายยับเยินจากแรงพายุหิมะที่พัดถล่มจีนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ราคาเทียนและถ่านไม้ในเชินโจวก็พุ่งสูง เนื่องจากประชาชนแห่ซื้อมาตุนไว้ อย่างไรก็ดี ทางการท้องถิ่นได้เกณฑ์ทหารและพลเรือนหลายพันคนมาซ่อมแซมระบบจ่ายไฟฟ้าของเฉินโจว ซึ่งหวงเฉียง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าของหูหนันกล่าวว่า สายไฟฟ้าบางส่วนกลับมาใช้งานได้แล้วตั้งแต่เช้าวันพุธ(6 ก.พ.) และจะเริ่มจ่ายไฟให้ประชาชนตั้งแต่วันพุธ
อย่างไรก็ดี เมืองต่างๆทางภาคใต้และภาคตะวันออกอย่างน้อย 6 แห่งจะยังไม่มีไฟฟ้าใช้ในวันพุธ สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างคำกล่าวของคณะรัฐมนตรี
ขณะที่สนามบินส่วนใหญ่ในพื้นที่ที่ถูกหิมะถล่ม เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์(4 ก.พ.) อย่างไรก็ตาม หมอกหนาได้ส่งผลให้มีการยกเลิกหลายเที่ยวบินเมื่อวันอังคาร(5 ก.พ.)ในเมืองหังโจว,หนันจิง และหนันชาง ทางภาคตะวันออก สำนักงานกิจการพลเรือนแห่งชาติจีนระบุ
สำหรับสถานีรถไฟ 2 แห่งในเมืองกวางเจา(กว่างโจว) มณฑลกว่างตง(กวางตุ้ง)ทางภาคตะวันออกก็เริ่มเปิดให้บริการเมื่อบ่ายวันอังคาร หลังตกอยู่ในสภาพโกลาหลเป็นเวลา 11 วัน ซึ่งกวางเจา หนึ่งในเมืองที่มีแรงงานอพยพหนาแน่นที่สุดในจีนถึง 30 ล้านคน เป็นจุดที่มีจำนวนผู้โดยสารติดค้างสูงที่สุดหลังจากที่จีนประสบภัยพายุหิมะครั้งใหญ่ บริษัทกว่างโจว เรียลเวย์ คอร์ป ภายใต้การควบคุมของกระทรวงรถไฟจีนกล่าว
“คาดว่าจะมีประชาชนราว 3.5 ล้านคนเดินทางออกจากกวางตุ้งเมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งตามหลักแล้ว ประชาชนที่มีตั๋ว แต่ติดค้างอยู่ตามสถานีรถไฟต่างๆควรออกเดินทางตั้งแต่วันอังคารแล้ว”โฆษกกระทรวงรถไฟกล่าว
ทั้งนี้ พายุหิมะครั้งร้ายแรงสุดในรอบ 50 ปีของจีนหรือรอบศตวรรษในบางพื้นที่ ซึ่งพัดถล่มภาคตะวันออก,ภาคกลาง และภาคใต้ของจีนตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบประชาชนจีนมากกว่า 100 ล้านคน, คร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 60 ราย,ทำลายอาคารบ้านเรือน,ระบบจ่ายไฟฟ้า,เส้นทางขนส่ง, สร้างความเสียหายให้แก่ปศุสัตว์และการเพาะปลูกในมณฑล/เทศบาล/เขตปกครองตนเอง 19 แห่ง รวมความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว 54,000 ล้านหยวน กระทรวงกิจการพลเรือนระบุ.