เอเชี่ยน วอลล์สตรีท - รัฐบาลปักกิ่งเร่งพัฒนาเทคโนโลยีจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และกักเก็บลงใต้ดิน ด้านหนึ่งช่วยลดก๊าซเรือนกระจก อีกด้านช่วยเพิ่มผลผลิตมีเธนในชั้นถ่านหิน เป็นโอกาสให้บริษัทด้านพลังงานต่างชาติรุกเข้าสู่ภาคพลังงานแดนมังกร ที่แต่เดิมเปิดให้แก่บริษัทท้องถิ่นเท่านั้น
เทคโนโลยีการจับคาร์บอนจากแหล่งกำเนิดและอัดลงสู่ใต้พื้นโลก (Carbon Sequestration) เพื่อไม่ให้แผ่คลื่นความร้อนสร้างสภาวะเรือนกระจก กำลังเป็นที่สนใจของประเทศจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีแหล่งถ่านหิน แหล่งน้ำมันเก่า และโรงผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจำนวนมาก ซึ่งกำลังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นก๊าซสร้างสภาวะเรือนกระจกออกมาเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าที่สามารถจับคาร์บอนไดออกไซด์และกักเก็บมันลงไปใต้ดิน ซึ่งนอกจากช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังอาจใช้ฟื้นฟูแหล่งน้ำมันเก่า และใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อีก ทั้งนี้ แม้ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีความท้าทาย แต่ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท เอนไวโร เอนเนอร์จี อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิงส์ จากฮ่องกง และบริษัทปิโตรมิน รีซอร์ส จากแคนาดา ลงนามร่วมกับ บริษัทไชน่า ยูไนเต็ด โคลเบด มีเธน คอร์ป จากจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อร่วมมือกันในโครงการระยะเวลา 5 ปี เพื่อผลิตก๊าซธรรมชาติจากถ่านหินที่มณฑลซันซี แหล่งถ่านหินขนาดใหญ่ทางภาคเหนือของจีน
โครงการดังกล่าวได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (10 ล้านหยวน) จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจีน และได้รับการสนับสนุนด้านบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญจาก สภาวิจัยอัลเบอร์ต้าของแคนาดา โดยส่วนหนึ่งของโครงการคือการขุดเจาะไปยังชั้นถ่านหินที่อยู่ลึกจากผิวดิน 1,000 เมตร
ด้านซุนเม่าหย่วน ประธานไชน่า ยูไนเต็ด โคลเบด มีเธน คอร์ป กล่าวว่า “เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการพยายามจับคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงไฟฟ้าและโรงงานเคมี เพื่ออัดฉีดลงไปในชั้นถ่านหินที่ลึก และปรับปรุงการผลิตก๊าซมีเธนในชั้นถ่านหิน”
ขณะนี้จีนกำลังต้องการเพิ่มปริมาณการใช้ก๊าซมีเธน แม้ว่าตามหลักแล้วการเผาไหม้ก๊าซมีเธนจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามากกว่าถ่านหิน แต่มันสามารถถูกจับ และใช้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าได้ อีกด้านจีนต้องการก๊าซมีเธนเพื่อเพิ่มซับพลายก๊าซธรรมชาติทดแทนการใช้ถ่านหิน
ทั้งนี้ ความต้องการพลังงานในประเทศจีนถึง 2 ใน 3 ถูกเติมเต็มด้วยพลังงานจากถ่านหิน ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติราว 3 เท่า โดยปกติโรงไฟฟ้าจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากกว่า 13,000 ตันต่อวัน
ในช่วงที่ผ่านมา ความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้บีบให้จีนต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 90 กิกะวัตต์ (พันเมกะวัตต์) ทุกๆ 2 ปี ซึ่งเทียบเท่ากำลังการผลิตไฟฟ้าของสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสรวมกันในปี 2006-2007
อย่างไรก็ตาม โครงการทดลองมูลค่า 9 ล้านเหรียญสหรัฐอีกแห่งที่ทางใต้ของแอ่งชิ่นสุ่ยในมณฑลซันซี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสภาวิจัยอัลเบอร์ต้า กระทรวงพาณิชย์จีน และไชน่า ยูไนเต็ด โคลเบด มีเธน คอร์ป แสดงให้เห็นแล้วว่าอัตราการเพิ่มผลผลิตมีเธนสูงขึ้นเกือบ 55% เมื่ออัดฉีดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในชั้นถ่านหิน.
