ไชน่าเดลี่-นักเรียนชั้นมัธยมปลายแห่งหนึ่งในปักกิ่ง พยายามฆ่าตัวตาย หลังจากไม่สามารถสมัครสอบเอนทรานซ์ได้ เพราะขาดหลักฐานสำคัญคือ “สำมะโนครัว” เพียงใบเดียว หนังสือพิมพ์ฟ่าจื้อ หวั่นเป้า รายงาน
หลิงหลิง(นามสมมุติ)สาวมัธยมปลายวัย 17 ปีคิดสั้น กรอกไนไตรท์ขนาด 1-3 กรัมขณะเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียนเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่เธอไม่สามารถสมัครสอบเอนทรานซ์ระบบออนไลน์ได้ เนื่องจากขาดหลักฐานสำคัญคือ สำมะโนครัว หรือที่ชาวจีนเรียกว่าฮู้โขว่
หลังกรอกยาพิษไปได้ไม่นาน หลิงหลิงเกิดอาการช็อคและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ โชคดีที่มีพลเมืองดีมาพบเข้า และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ เธอพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ต้องใช้เวลา 5-6 วันเพื่อขับพิษออกจากร่างกาย
ทั้งนี้ หลิงหลิง เป็นเด็กนักเรียนผลการเรียนดีเยี่ยม และเธอเป็นลูกนอกสมรสที่อาศัยอยู่กับพ่อในปักกิ่งตลอด 17 ปีที่ผ่านมา โดยไม่มีสำมะโนครัว ส่วนพ่อก็เปลี่ยนงานหลายอย่างในช่วง 17 ปีมานี้ ซึ่งในปี 1999 เขาถูกย้ายมาจากมณฑลเจียงซู มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมในนครปักกิ่ง และได้รับสำมะโนครัวปักกิ่งของตนเอง 1 ใบ ส่วนหลิงหลิงกลับถูกทางการปฏิเสธออกสำมะโนครัวปักกิ่งให้ เนื่องจากระเบียบระบุว่า บุตรนอกกฎหมายจะไม่ได้รับการออกสำมะโนครัว
ด้านพ่อของหลิงๆกล่าวว่า หากจะทำให้หลิงหลิงมีสำมะโนครัว เขาต้องตามหาแม่ของหลิงหลิงที่ปัจจุบันแต่งงานไปแล้ว เพื่อแต่งงานกันใหม่และหย่ากันอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์ฯรายงานว่า หลิงหลิงมีโอกาสที่จะได้สำมะโนครัว หากเจ้าหน้าที่ตำรวจอนุมัติหลิงหลิงเป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ จีนเริ่มใช้ระบบสำมะโนครัว หรือ ฮู้โขว่ ตั้งแต่ปี 1958 โดยแบ่งการจดสำมะโนครัวออกเป็นสองรูปแบบ คือ สำมะโนครัวประชากรชาวชนบท และสำมะโนครัวประชากรที่ไม่ใช่ชาวชนบท เพื่อควบคุมปัญหาการอพยพของประชากรชาวชนบทสู่เมือง โดยสำมะโนครัวประชากรเป็นการควบคุมประชากร และการบ่งบอกสิทธิและหน้าที่ของประชากรขั้นพื้นฐาน รวมทั้งเป็นหลักฐานที่แสดงฐานะทางสังคมของบุคคลในการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม เช่น การศึกษา,การทำงาน และการรับบริการสวัสดิการสังคมในแต่ละพื้นที่
ระบบดังกล่าวช่วยสร้างเสถียรภาพในสังคมมาเป็นเวลายาวนาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ระบบฯเริ่มกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการใช้สิทธิด้านต่างๆดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากปัจจุบันสังคมเปิดกว้างและมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์มีแผนที่จะปฏิรูประบบดังกล่าว แต่ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่แน่นอน.
