เอเจนซี - เอ็นบีเอ ลีกบาสเกตบอลชื่อดังฟากอเมริกา ได้ฤกษ์ลั่นฆ้องตั้งบริษัทสาขาในจีนอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “เอ็นบีเอ ไชน่า” เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ม.ค.) หวังสยายธุรกิจในแดนมังกร พร้อมเปิดตัว 5 บริษัทที่จะร่วมเสริมทัพธุรกิจครั้งนี้ด้วย
เดวิด สเติร์น บอสใหญ่เอ็นบีเอสให้สัมภาษณ์ว่า เอ็นบีเอได้จัดตั้งบริษัทจีนภายใต้ชื่อ เอ็นบีเอ ไชน่า โดยมี ทิโมธี เฉิน นั่งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด โดยจะมีบริษัทอีก 5 แห่งร่วมลงทุนซื้อหุ้น 11% ของบริษัท รวมเป็นเงิน 253 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ หน่วยข่าว ESPN ของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์, ธนาคารแห่งประเทศจีน (บีโอซี), ธนาคารไชน่า เมอร์แชนท์, ลีกาชิง ฟาวเดชั่น และบริษัทลีเจนด์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนที่ถือหุ้นใหญ่สุดในเลอโนโว ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จีน โดยดิสนีย์จะถือหุ้น 5% ส่วนอีก 4 สถาบันที่เหลือถือหุ้นรวม 6%
บริษัทเอ็นบีเอ ไชน่านี้ จะได้สิทธิในการตั้งทีมบาสเกตบอลในจีน และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดกีฬา รวมไปถึงกิจกรรมพาณิชย์ต่างๆ ด้วย พร้อมกันนี้ยังจะเดินหน้าทำงานกับซีบีเอ (Chinese Basketball Association) ลีกบาสเกตบอลของจีน เพื่อพัฒนาคุณภาพของสมาคมบาสฯ จีน เพราะที่ผ่านมาซีบีเอนั้นมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการและการเล่น
“บาสเกตบอลและเอ็นบีเอมีโอกาสขยายตัวในจีนอย่างมาก” เดวิด สเติร์นกล่าว โดยจากข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่า ปัจจุบันมีประชาชนจีนถึง 1 ใน 50 ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 300 ล้านคน เล่นกีฬาบาสเกตบอล โดยส่วนใหญ่รู้จักลีกเอ็นบีเอเป็นอย่างดี เพราะมีนักกีฬาทีมชาติจีนได้มีโอกาสเข้าร่วมโชว์ฝีมือในลีกนี้ด้วย ได้แก่ เหยาหมิง เซนเตอร์ร่างโย่ง 2.26 เมตร ของทีมฮุสตัน ร็อคเก็ต ที่กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์เอ็นบีเอคนแรกของเอเชีย และเจ้ารูกี้ อี้เจี้ยนเหลียน จากทีมมิลวอล์คกี บัคส์
และนักกีฬาคนอื่นๆ ของเอ็นบีเอ อย่าง เลอบรอน เจมส์ และโคบี้ ไรอัน ก็เป็นที่รู้จักของแฟนกีฬายัดห่วงจีนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เอ็นบีเอเริ่มแสวงหาช่องทางในการสยายปีกธุรกิจในแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อปักกิ่งเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก 2008 เนื่องจากจีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทีมชาติจีนจะสามารถโชว์ลีลาได้ดีกว่าเมื่อครั้งแข่งขันที่โอลิมปิก กรุงเอเธนส์เมื่อปี 2004
เดวิด สเติร์น บอสใหญ่เอ็นบีเอสให้สัมภาษณ์ว่า เอ็นบีเอได้จัดตั้งบริษัทจีนภายใต้ชื่อ เอ็นบีเอ ไชน่า โดยมี ทิโมธี เฉิน นั่งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด โดยจะมีบริษัทอีก 5 แห่งร่วมลงทุนซื้อหุ้น 11% ของบริษัท รวมเป็นเงิน 253 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ หน่วยข่าว ESPN ของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์, ธนาคารแห่งประเทศจีน (บีโอซี), ธนาคารไชน่า เมอร์แชนท์, ลีกาชิง ฟาวเดชั่น และบริษัทลีเจนด์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนที่ถือหุ้นใหญ่สุดในเลอโนโว ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จีน โดยดิสนีย์จะถือหุ้น 5% ส่วนอีก 4 สถาบันที่เหลือถือหุ้นรวม 6%
บริษัทเอ็นบีเอ ไชน่านี้ จะได้สิทธิในการตั้งทีมบาสเกตบอลในจีน และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดกีฬา รวมไปถึงกิจกรรมพาณิชย์ต่างๆ ด้วย พร้อมกันนี้ยังจะเดินหน้าทำงานกับซีบีเอ (Chinese Basketball Association) ลีกบาสเกตบอลของจีน เพื่อพัฒนาคุณภาพของสมาคมบาสฯ จีน เพราะที่ผ่านมาซีบีเอนั้นมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการและการเล่น
“บาสเกตบอลและเอ็นบีเอมีโอกาสขยายตัวในจีนอย่างมาก” เดวิด สเติร์นกล่าว โดยจากข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่า ปัจจุบันมีประชาชนจีนถึง 1 ใน 50 ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 300 ล้านคน เล่นกีฬาบาสเกตบอล โดยส่วนใหญ่รู้จักลีกเอ็นบีเอเป็นอย่างดี เพราะมีนักกีฬาทีมชาติจีนได้มีโอกาสเข้าร่วมโชว์ฝีมือในลีกนี้ด้วย ได้แก่ เหยาหมิง เซนเตอร์ร่างโย่ง 2.26 เมตร ของทีมฮุสตัน ร็อคเก็ต ที่กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์เอ็นบีเอคนแรกของเอเชีย และเจ้ารูกี้ อี้เจี้ยนเหลียน จากทีมมิลวอล์คกี บัคส์
และนักกีฬาคนอื่นๆ ของเอ็นบีเอ อย่าง เลอบรอน เจมส์ และโคบี้ ไรอัน ก็เป็นที่รู้จักของแฟนกีฬายัดห่วงจีนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เอ็นบีเอเริ่มแสวงหาช่องทางในการสยายปีกธุรกิจในแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อปักกิ่งเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก 2008 เนื่องจากจีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทีมชาติจีนจะสามารถโชว์ลีลาได้ดีกว่าเมื่อครั้งแข่งขันที่โอลิมปิก กรุงเอเธนส์เมื่อปี 2004