เอเอฟพี -สถานการณ์แบงก์ออฟอีสต์เอเชีย (บีอีเอ) ของฮ่องกง ถูกลูกค้าแตกตื่นเข้าแถวถอนเงินปิดบัญชี กำลังคลี่คลายดีขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (25) เนื่องจากทางการฮ่องกง,ประธานธนาคาร ตลอดจนอภิมหาเศรษฐี "ลีกาชิง" ก้าวเข้ามาช่วยเหลือสยบข่าวลือที่ว่า วิกฤตการเงินของวอลสตรีท ลุกลามเข้ามาสั่นคลอนสถาบันการเงินบนเกาะฮ่องกงแล้ว
ลูกค้าของแบงก์ออฟอีสต์เอเชียหลายร้อยคน ยังคงพากันไปต่อแถวตามสาขาของธนาคารทั่วฮ่องกง เพื่อถอนเอาเงินออมของพวกเขาคืนมาเป็นวันที่สองเมื่อวานนี้ หลังจากมีข่าวลือออกเผยแพร่ผ่านโทรศัพท์มือถือว่า ธนาคารแห่งนี้ถือครองหลักทรัพย์ที่ออกโดยเลห์แมนบราเธอร์ส และเอไอจีอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่ลูกค้าที่ตื่นตระหนกก็ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วในช่วงบ่าย เมื่อทางผู้บริหารของธนาคาร, รัฐบาลฮ่องกง และหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินออกมาประสานเสียงปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว
เดวิด ลี ซึ่งเป็นประธานของแบงก์ออฟอีสต์เอเชีย บินมาจากนิวยอร์กเมื่อคืนวันพุธ (24) เพื่อรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้น วานนี้เขาออกมายืนยันว่าเขาและคณะกรรมการบริหารคนอื่นๆ จะเข้ามารับซื้อหุ้นเพื่อดันราคาให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงว่าพวกเขายังคงมั่นใจในสถานะของธนาคาร
นอกจากนี้ ลีกาชิง อภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง ก็ยังเข้ามาซื้อหุ้นของธนาคารนี้ด้วยเงินของเขาเอง และให้โฆษกของบริษัทฮัทชิสัน หวัมเป๋า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเขาออกมาแถลงยืนยัน
ด้านสำนักงานนโยบายการเงินของฮ่องกง (เอชเคเอ็มเอ) ซึ่งเทียบเท่ากับธนาคารกลางของดินแดนแห่งนี้ รวมทั้งรัฐมนตรีคลัง จอห์น จาง ต่างออกมาบอกว่า ระบบการธนาคารของฮ่องกงนั้นแข็งแกร่ง และแบงก์ออฟอีสต์เอเชียก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเงินแต่อย่างใด
นอกจากนี้สำนักงานนโยบายการเงินยังได้อัดฉีดเงิน 3,880 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงเข้าสู่ระบบการธนาคารเมื่อวานนี้ด้วย
ความเคลื่อนไหวอัดฉีดดังกล่าวนี้ เป็นผลมาจาก "ความต้องการสภาพคล่องที่เพิ่มมากขึ้น..ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องและการให้สินเชื่อ" โฆษกหญิงของเอชเคเอ็มเอกล่าว
การเข้าซื้อหุ้นและมาตรการเสริมความเชื่อมั่นอื่นๆ ทำให้หุ้นของธนาคารแห่งนี้กระเตื้องขึ้น โดยกระโจนขึ้น 5.2% ในการซื้อขายช่วงเช้าวานนี้ หลังจากหล่นลงไป 6.9% ในวันพุธ และสามารถปิดตลาดวันนี้ด้วยการขยับสูงขึ้น 3.4%
"ผมเชื่อในธนาคารนะ พวกที่มาถอนเงินต้องบ้าไปแล้ว" ริชาร์ด หว่อง ผู้จัดการในบริษัทอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งกล่าว ขณะที่เดินผ่านคิวยาวเหยียดที่หน้าสาขาแห่งหนึ่งของแบงก์
"พวกเขาคงไม่มีค่อยมีความรู้เกี่ยวกับแบงก์ ผมฝากเงินไว้ในนั้นไม่น้อยและก็จะไม่เบิกออกมาหรอก คนที่มาเข้าแถวก็เป็นพวกความรู้น้อยไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก" เขากล่าวต่อ ทั้งนี้ก่อนที่แบงก์จะเปิดทำการตอน 9 โมงเช้าก็มีคนมาเข้าแถวเพื่อรอเบิกเงินออกไปกันแล้ว
"เมื่อคืนผมเข้าแถวรอจนถึง 4 ทุ่มเพื่อจะถอนเงินออกมาแต่ก็ถอนไม่ได้ วันนี้ผมเลยมาแต่เช้า" ทันกา ไร คนงานก่อสร้างผู้หนึ่งบอก
โฮเซ วาร์กิส ผู้ดำเนินงานในชุมชน บอกว่า เขาตัดสินใจถอนเงินฝากที่มีอยู่เพราะตอนเดินผ่านแบงก์สาขาเหยา หม่า ไถ มีคนเข้าแถวอยู่ราวๆ 70 คน
"ผมไม่ได้ตั้งใจจะถอนเงินออกมา และก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสถานะของแบงก์ แต่มันก็กันไว้ดีกว่าแก้" เขาบอก
คนเริ่มมาต่อแถวที่สาขาของแบงก์เมื่อวันพุธ เพราะมีเอสเอ็มเอสส่งไปทั่วเมืองว่าสถานะของแบงก์กำลังง่อนแง่น เพราะว่าถือครองสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเลห์แมน และเอไอจีเอาไว้มาก
ธนาคาร บอกว่า เอสเอ็มเอสเหล่านั้นเป็น "ข่าวลือประสงค์ร้าย" และเน้นว่าฐานะการเงินของแบงก์นั้น "มั่นคงและแข็งแกร่ง" แต่ผู้ฝากเงินก็ยังคงมาต่อแถวกันเพิ่มขึ้นในช่วงกลางคืนเพราะต้องการจะเงินฝากออกมาให้ได้
บีอีเอ ระบุในคำแถลงว่า ลงทุนในเลห์แมนไป 422.8 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง และ 49.9 ล้านในเอไอจี ในขณะที่สินทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารมีอยู่ถึง 369,600 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
นอกจากที่ฮ่องกงแล้ว ในสิงคโปร์เมื่อวานนี้ก็มีผู้ฝากเงินกับแบงก์ออฟอีสต์เอเชียหลายสิบคน ไปถอนเงินออกมาจากสาขาของแบงก์ ภายหลังจากได้ยินข่าวลือ
บางคนก็บอกว่ามาถอนเงินจริง แต่บางคนบอกว่าคงจะไม่ถอนเงินเพราะได้คุยกับเจ้าหน้าที่แบงก์แล้ว รวมทั้งธนาคารกลางก็ออกมาบอกว่าข่าวลือนั้นไม่เป็นจริง
แบงก์ออฟอีสต์เอเชียนั้นเป็นธนาคารขนาดกลาง แต่ก็มีชื่อเสียงด้านความเป็นปึกแผ่น และลีซึ่งเป็นประธานแบงก์นั้นก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวยของเกาะฮ่องกง ซึ่งทำธุรกิจและเล่นการเมืองในฮ่องกงสืบทอดกันมาถึง 5 รุ่นแล้ว